โนเบิล”ตุน Backlog กว่า 21,000 ล้านบาท จ่อทยอยรับรู้ถึงปี 2570
กรุงเทพฯ - บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ “NOBLE” ประกาศสต็อกในมือยังแน่น ตุน Backlog เพื่อรอโอนต่อเนื่องมูลค่าประมาณ 21,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 กว่า 6,900 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 14,000 ล้านบาท รับรู้ต่อเนื่องถึงปี 2570
นายศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่าประมาณ 21,000ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 กว่า 6,972 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 14,083 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ถึงปี 2570 ขณะเดียวกันบริษัทฯมีสินค้าพร้อมขาย (Inventory) ในมือเพียงพอสำหรับรองรับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
พร้อมทั้งมองว่า ตลาดอสังฯ ในครึ่งปีหลัง ยังคงมีแนวโน้มการเติบโต เนื่องจากยังมีกำลังซื้อ แต่ยังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม ดังนั้นหากราคาและสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวก็จะตัดสินใจซื้อทันที
ขณะที่ทิศทางตลาดการแข่งขันของอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มองว่ายังคงมีการแข่งขันที่สูง โดยเฉพาะในการออกแคมเปญการตลาดและโปรโมชั่นจากกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นยอดขาย ช่วงเวลานี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อ หากมีมาตรการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ก็จะยิ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการตัดสินใจซื้อได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 2,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิที่ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% (YoY) จึงส่งผลให้งวด 6 เดือนแรก บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 4,425 ล้าน และมีกำไรสุทธิที่ 203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 % (YoY) ขณะที่ยอดขาย (Presale) ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ 5,600 ล้านบาท โดยหลัก ๆ มาจากยอดขายจากลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศที่มีการเติบโตสูง ซึ่งสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าต่างชาติในช่วงครึ่งปีแรกเฉลี่ยอยู่ที่ 60% ของยอดขายทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทฯ วางกลยุทธ์ขยายตลาดต่างชาติ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เพื่อสอดรับกับการเพิ่มโอกาสในการขายที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ