“เจนเนอราลี่ กรุ๊ป” โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2022 โตตามเป้า
เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2022 เป็นไปตามเป้า มีกำไรจากผลการดำเนินงานรวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท สวนกระแสการชะลอตัวของธุรกิจประกันชีวิต ปัจจัยบวกมาจากการปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ให้รับกับความต้องการของลูกค้าที่เน้นความคุ้มครอง เตรียมพร้อมเดินหน้าลุยตลาดครึ่งปีหลังชูแนวคิด LIFETIME PARTNER 24 ด้วยการดึงอินไซต์ผู้บริโภคมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ตั้งเป้าปี2024 มุ่งสู่การเป็นที่ 1 ด้านการสร้างประสบการณ์ความพึงพอใจจากลูกค้าพร้อมเดินหน้าเคียงข้างลูกค้าอย่างยั่งยืน
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยในงานประชุมพนักงานประจำปี 2022 (Town Hall) ว่า “ภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิตทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 ยังคงชะลอตัวเนื่องจากผลกระทบสถานการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงปัจจัยอย่างสถานการณ์โควิด-19 และเหตุความขัดแย้งในต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมมีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเดียวกัน แต่ในทางกลับกันผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก 2022 ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป กลับสวนกระแสดังกล่าว มีอัตราเติบโตตามเป้าที่วางไว้ อันเป็นผลมาจากการปรับพอร์ตเชิงกลยุทธ์โดยเน้นผลิตภัณฑ์ประเภทการให้ความคุ้มครอง และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจโดยมีสัดส่วนของการประกันภัยต่อเพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น ภาพรวมของ เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 มีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยมีกำไรจากผลการดำเนินงาน (Operating profit) อยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท (+4.8%) จากผลการดำเนินงานที่เป็นบวกของกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) การถือหุ้นและกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ คิดเป็นอัตราส่วนรวมอยู่ที่ร้อยละ 92.5 (Combined Ratio, +2.8 p.p.) พร้อมทั้งมีผลกำไรขั้นต้นจากธุรกิจใหม่อยู่ที่ร้อยละ 5.23 (New Business Margin, +0.59 p.p.) เบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 16.1 แสนล้านบาท (Gross Written Premium, +2.4%) ซึ่งเป็นแรงหนุนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (+8.5%) ส่งผลให้กระแสเงินลงทุนไหลเข้าของธุรกิจประกันชีวิต (Life Net Inflows) อยู่ที่ 2.4 แสนล้านบาท โดยยังคงความสามารถในการชำระหนี้ (Solvency Ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 233 ตอกย้ำความเป็นผู้นำของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในฐานะบริษัทประกันและผู้บริหารสินทรัพย์ระดับโลก”
ด้านผลประกอบการของ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ แม้จะมีผลกระทบจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจอยู่บ้างไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่า ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์เงินเฟ้อ หรือภาวะดอกเบี้ยที่มีความผันผวน แต่ก็ทำให้เกิดโอกาสในการที่ผู้เสนอขายจะเข้าไปนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ประเภทสะสมทรัพย์มากยิ่งขึ้น โดยในครึ่งปีแรกนั้นนับว่ามีอัตราเติบโตเป็นไปตามเป้าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้จากการสำรวจโดยบริษัทวิจัยระดับโลกที่ทำการสำรวจความพึงพอใจผู้บริโภค หรือ RNPS (Relational Net Promoter Score) ต่อบริษัทประกันชั้นนำทั่วโลก พบว่า เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เป็นแบรนด์ที่มีคะแนนในการสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง และมีคะแนนมากกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดรวม อีกทั้งกว่า 42% จากการสำรวจ ยกให้เจนเนอราลี่เป็นแบรนด์หลักในการตัดสินใจซื้อประกัน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ LIFETIME PARTNER 24 ที่เราพัฒนาธุรกิจโดยมีลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง โดยแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง จะยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ดังกล่าว พร้อมทั้งนำแนวคิดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) มาปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจ แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง คือ EFFORTLESS & CARING EXPERIENCE การยกระดับประสบการณ์ในการดูแลลูกค้าที่แสดงถึงความเอาใจใส่ในด้านต่าง ๆ อาทิ การปรับรูปแบบการแนะนำผลิตภัณฑ์จากตัวหนังสือที่เข้าใจยากสู่การทำวิดีโอเพื่อให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงลูกค้าทุกเพศทุกวัยการส่ง SMS แจ้งเตือนลูกค้าถึงความเคลื่อนไหวต่าง ๆ การแจ้งเคลม หรือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนผ่านระบบดิจิทัลเพื่อความรวดเร็ว รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานให้ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสน เป็นต้น แนวทางต่อมาคือ PERSONALIZED VALUE PROPOSITIONS การสร้างมูลค่าเพื่อมอบให้ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล อาทิ การปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละบุคคล การมอบสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และการสร้างศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์สำหรับผู้สูงวัย เป็นต้น และแนวทางสุดท้าย PHYGITAL ADVICE การให้คำปรึกษาและคำแนะนำตามความต้องการของลูกค้า ด้วยการฝึกอบรมตัวแทนประกันชีวิตให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพื่อให้คำแนะนำลูกค้าได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการของลูกค้า
นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า “เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยภายในปี 2024 จะก้าวสู่การเป็นท็อปแบรนด์ประกันแห่งเอเชีย ซึ่งจะเป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างและสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และกลายเป็นแบรนด์ประกันชีวิตอันดับ 1 ในใจผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อประกัน