แบงก์กรุงศรีฯเชื่อมือ “SUPER” ปล่อยกู้กว่า 1,000 ลบ.พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า SPP HYBRID ขนาด 16 MWตอกย้ำความเชื่อมั่นโปรเจคดีมีอนาคต-ผลตอบแทนเจ๋ง
SUPER ใส่เกียร์ลุยโครงการโรงไฟฟ้า SPP HYBRID แสงอาทิตย์ติดตั้งร่วมกับแบตเตอรี่ ในจังหวัดสระแก้ว ขนาดกำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์เต็มสูบ โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา( BAY ) ปล่อยสินเชื่อโครงการ วงเงินกว่า 1,000 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทและโครงการ “จอมทรัพย์ โลจายะ" ระบุพร้อมลุยขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเต็มรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 10-15 %
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ ไฮบริด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) โดยได้รับวงเงินสินเชื่อ (Project Financing) จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการ SPP HYBRID ในจังหวัดสระแก้ว ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 16 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ โครงการ SPP HYBRID เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งร่วมกับแบตเตอรี่ โดยสามารถผลิต และขายไฟฟ้าได้ 24 ชั่วโมง โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะเวลา 13 ปี 6เดือน กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ในอัตราค่าไฟเฉลี่ย 2.97 บาท/หน่วย ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา
"ผมต้องขอบคุณธนาคารกรุงศรีฯ ในการปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้ โดยจะนำเงินมาใช้เพื่อการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งร่วมกับแบตเตอรี่ ( SPP HYBRID ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินที่มีต่อบริษัทฯ รวมถึงศักยภาพของโครงการ ซึ่งที่ผ่านมานับจากวันCOD มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องมาโดยตลอด รวมทั้ง SUPER เตรียมความพร้อมในฐานเงินทุนสำหรับการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้นรอบใหม่ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในอนาคตไม่ว่าจะเป็นแผนพัฒนาด้านพลังงานที่เปิดขึ้นมาใหม่ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม หรือ ในประเทศอื่นๆ ” นายจอมทรัพย์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER กล่าวอีกว่า บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ดี และมีความพร้อมดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าโดยมีแผนขยายโรงไฟฟ้าทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 1,608.32 เมกะวัตต์ จำนวน 133 โครงการ และตั้งเป้าหมายอีก 1,000 เมกะวัตต์ในปี2568 หรือมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มที่ระดับ 2,600 เมกะวัตต์ โดยมาจาก โครงการโรงไฟฟ้าจากขยะ โซลาร์รูฟท็อป โครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) รวมทั้งโครงการ PDP ในประเทศและในเวียดนาม เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่ปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10 – 15% จากปีก่อน