อีสท์ วอเตอร์ (EASTW) โชว์ผลงานปี 2564 กำไรสุทธิ 1,061.60 ล้านบาทจ่ายปันผลอีก 0.24 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 27 พ.ค.นี้
อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยผลประกอบการปี 2564 กำไรสุทธิปี 64 แตะ 1,061.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297.45 ล้านบาท จากปีก่อน ผลจากรับรู้ยอดขายน้ำดิบเพิ่มขึ้น เตรียมจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 27 พฤษภาคมนี้ในอัตรา 0.24 บาทต่อหุ้น ในขณะที่บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนต่างๆ และการบริหารจัดการที่ดีในภาวะสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด -19 พร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านแหล่งน้ำและสร้างโอกาสในธุรกิจน้ำครบวงจรอย่างต่อเนื่อง
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกจำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ (EASTW) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 รายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้น 4,630.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426.20 ล้านบาท หรือ 10.14% โดยหลักจากปริมาณน้ำดิบจำหน่ายกลุ่มอุปโภค-บริโภคเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงาน ปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 1,061.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297.45 ล้านบาท หรือ 38.93%
สำหรับปี 2564 อีสท์ วอเตอร์มีรายได้จากการขายน้ำดิบ จำนวน 2,941.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 468.13 ล้านบาท หรือ18.93% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 โดยรายได้น้ำดิบเพิ่มขึ้นจากการใช้น้ำดิบเพิ่มสูงขึ้นจากลูกค้าประเภทต่างๆ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มอุปโภค-บริโภคเพิ่มขึ้นจากปีก่อนรวม 35.27 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 15.40 โดยปริมาณน้ำดิบสูบจ่ายเพิ่มขึ้นที่ 296.85 ล้าน ลบ.ม. จากปี 2563 ที่ 255.89 ล้าน ลบ.ม. โดยสามารถแยกกลุ่มลูกค้าเป็นนิคมอุตสาหกรรม 61% กลุ่มอุปโภคบริโภค 27% กลุ่มสวนอุตสาหกรรม 2% กลุ่มกิจการประปาของกลุ่มบริษัท 9% กลุ่มโรงงานทั่วไป 1% โดยสามารถจำแนกตามพื้นที่สูบจ่ายน้ำแบ่งเป็นพื้นที่มาบตาพุด 61% พื้นที่ชลบุรี 22% พื้นที่ปลวกแดง-บ่อวิน 12% และพื้นที่ฉะเชิงเทรา 5%
ส่วนรายได้จากการขายน้ำประปา มีจำนวน 1,430.06 ล้านบาท ลดลง 37.83 ล้านบาท หรือ 2.58% เมื่อเทียบกับปี 2563 ในขณะที่ปริมาณน้ำประปาจำหน่ายลดลง 0.65 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 0.66 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 สาเหตุหลักจากราคาจำหน่ายน้ำประปาเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายน้ำอุตสาหกรรมจำนวน 17.90 ล้านบาท โดยมีปริมาณจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรมจำนวน 1.18 ล้าน ลบ.ม.
ในด้านสถานการณ์น้ำ พบว่าแหล่งน้ำของอีสท์ วอเตอร์ในพื้นที่ชลบุรีและระยองอยู่ในเกณฑ์คอนข้างสูงคาดการณ์ว่าปริมาณฝนรวมในภาคตะวันออกเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2565 จะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติประมาณ 20% ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักของบริษัทในพื้นที่ชลบุรีและระยองเฉลี่ยอยู่ที่85.64% และ 86.08% ของความจุอ่างเก็บน้ำ
“ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวนและผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงระบาดต่อเนื่องทั่วโลก ยังคงมีปัจจัยบวกจากการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลในโครงการEEC ซึ่งอีสท์ วอเตอร์เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนด้านการให้บริการน้ำครบวงจร ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำให้แก่ EEC จึงมั่นใจได้ว่าอีสท์ วอเตอร์จะยังคงเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำรองรับการเติบโตทั้งในปัจจุบันและอนาคต” นายจิรายุทธกล่าว