สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป ส่ง ฟู้ดดีฮับ เสิร์ฟอาหารพร้อมปรุง-แช่แข็งระดับพรีเมี่ยม
สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป เปิดตัว ฟู้ดดีฮับ ปูพรมตลาดคอนซูเมอร์ เสิร์ฟอาหารพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน 5 ประเภท อาทิ อาหารทะเลสดแช่แข็ง เบเกอรี่แช่แข็ง อาหารทะเลกับเนื้อสัตว์ทดแทน อาหารทานเล่น และเนื้อสัตว์ยอดนิยม ตั้งเป้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การใช้ชีวิตของผู้คนในยุคนี้เปลี่ยนไป หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ และสุขอนามัยมากยิ่งขึ้น ด้วยมาตรฐานการป้องกันโรคของรัฐ Social Distancing เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พฤติกรรมของการบริโภคอาหารเปลี่ยนไปจากเดิม จากที่เคยรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็เปลี่ยนมาเป็นรับประทานอาหารในบ้านมากยิ่งขึ้น ดังนั้นกลุ่มอาหารแช่แข็งพร้อมปรุงและพร้อมรับประทานจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกหลักที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้
ด้วยแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานและพร้อมปรุงในปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าทางตลาดรวมประมาณ 21,000 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 3-5% ต่อปี ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในยุค New Normal และความพร้อมด้านประสบการณ์ทางธุรกิจอาหารแช่แข็งมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ ฟู้ดดีฮับ เป็นอีกหนึ่งโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจให้กับทางบริษัทฯ และยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอาหารแช่แข็งพร้อมปรุงและพร้อมรับประทานที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคอีกด้วย คาดการณ์เป้าหมายรายได้ 10 ล้านบาทต่อปี ภายใน 3 ปีข้างหน้า
นายชัยพัฒน์ คุณาภิวัฒน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำประเทศไทย ฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) ภายใต้กลุ่มบริษัท สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและส่งออกอาหารแช่แข็งระดับพรีเมี่ยมมากกว่า 34 ปีเปิดเผยว่า จากวิถีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงจากอดีตค่อนข้างมากการดำเนินชีวิตมีความเร่งรีบ เน้นความสะดวก รวดเร็ว นิยมซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านมากขึ้น และนิยมปรุงอาหารรับประทานเองมากขึ้น ดังนั้นการเลือกซื้ออาหารพร้อมรับประทาน อาหารแช่แข็ง จึงเป็นตัวเลือกสำคัญที่เข้าตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ (New normal lifestyle) ของคนในปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เนื่องจากว่าผู้บริโภคสามารถซื้อเก็บไว้ได้นาน อายุการเก็บรักษา(Shelf life) 1 ถึง 2 ปี และช่วยลดความเสี่ยงจากการไปซื้อของตามตลาด หรือห้างร้านที่แออัดได้ อีกทั้งเทคโนโลยีการผลิตอาหารในปัจจุบัน ทำให้อาหารแช่แข็งนอกจากจะเก็บรักษาได้นานแล้ว ยังสามารถคงคุณภาพและสารอาหารได้ครบถ้วน รวมไปถึง Hygienic standard ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นสนับสนุนและเร่งให้อัตราการเติบโตของตลาดอาหารพร้อมรับประทานและอาหารพร้อมปรุงให้เติบโตอย่างต่อเนื่องอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรม ปี 2563 แนวโน้มของกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานและอาหารพร้อมปรุง มีมูลค่าทางตลาดรวมประมาณ 21,000 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 3-5% ต่อปี
ล่าสุด เปิดตัว ฟู้ดดีฮับ ศูนย์รวมอาหารแช่แข็งระดับพรีเมี่ยม โดยชูกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งพร้อมปรุงและพร้อมรับประทานภายใต้แบรนด์สินค้าของเราเอง ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม อาทิ กลุ่มที่ 1 อาหารทะเลสดแช่แข็ง (Frozen seafood) แบรนด์ Natural Coast ได้แก่ ปลาแซลมอน หอยเชลล์ยักษ์ กุ้งปลาหมึก ปลาดอรี่ เนื้อหอยลายปรุงสุก ปูนิ่ม วากาเมะ วัตถุดิบอาหารญี่ปุ่น ฯลฯ กลุ่มที่ 2 เบเกอรี่แช่แข็ง(Frozen Bakery) แบรนด์ Club
Gourmet ได้แก่ เมนูช็อกโกแลตลาวาเค้ก (Chocolate Lava Cake) และ ทิรามิสุ (Tiramisu) นำเข้าจากดินแดนต้นตำหรับในยุโรป กลุ่มที่ 3 อาหารทะเลกับเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช (Frozen plant-based food) ซึ่งปัจจุบันอาหารในกลุ่มนี้ยังมีอาหารพร้อมปรุง (Ready to Cook) รวมอยู่ด้วย 5 เมนู ดังนี้ หมูกรอบ (ไร้หมู) ซี่โครงหมู (ไร้หมู) ปลาเค็ม (ไร้ปลา) ทอดมันปลา (ไร้ปลา) ลูกชิ้นกุ้ง (ไร้กุ้ง) และนอกจากนั้นกำลังจะเปิดตัวอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) เพิ่มเติมอีกด้วย ได้แก่ เมนูข้าวกะเพราหมู (ไร้หมู) และกะเพราไก่ (ไร้ไก่) ไรซ์เบอร์รี่ ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยสินค้ากลุ่มนี้ เนื้อทำมาจากพืชนี้ล้วนๆ ภายใต้แบรนด์ Meatoo ซึ่งเน้นการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารวิถียั่งยืนและส่งเสริมสุขภาพที่ดีด้วยโปรตีนจากพืชให้ทานอร่อยและทานง่าย กลุ่มที่ 4 คือ อาหารทานเล่น (Food for Fun, Food for Family) เช่นซาลาเปา ขนมจีบ ฮะเก๋า ถุงทอง ทอดมันกุ้ง ฯลฯ และล่าสุดได้เพิ่มอาหารกลุ่มที่ 5 เนื้อสัตว์ยอดนิยม อาทิเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อเป็ด และเนื้อไก่ อีกด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกจับจ่ายสินค้าคุณภาพที่มีความหลากหลาย ตรงทุกความต้องการจากที่เดียว ตามสโกแกน “อร่อย ครบ จบ ที่ฟู้ดดีฮับ”
ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ทางบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสจากวิกฤตสถานการณ์โควิด-19 และได้ตัดสินใจขยายธุรกิจไปยังส่วนของการขายตรงสู่ผู้บริโภค (B2C) ในประเทศไทยในช่วงปลายปี2563 โดยทางผู้บริหารต้องการที่จะใช้เซอร์วิสหลัก (Core business) ซึ่งได้รับการยอมรับจากลูกค้าต่างประเทศของเราไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดหาวัตถุดิบ (Sourcing) การควบคุมคุณภาพ (Quality control) และระบบโลจิสติกส์ (Cold Chain Logistics) เป็นต้น มาใช้ในการทำตลาด B2C ในประเทศไทย โดยเฉพาะปัจจุบันแนวโน้มการทำตลาดออนไลน์มีการเติบโตอย่างมาก
“ถึงแม้เราเพิ่งเริ่มเข้ามาในตลาด B2C แต่ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 34 ปี ในตลาด B2B ทำให้เรามั่นใจว่าจะเป็นรากฐานที่ทำให้เราสามารถขยายและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกๆแบรนด์ภายใต้ฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) ให้เติบโตและได้รับความเชื่อใจจากผู้บริโภคเช่นเดียวกับตลาด B2B ด้วยปัจจัยหลักคือความหลากหลายและคุณภาพของสินค้า เสริมด้วยปัจจัยบวกเรื่องพฤติกรรมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการสร้างการรับรู้ และการขยายฐานลูกค้าให้กับฟู้ดดีฮับ (FoodDeeHub) มากยิ่งขึ้น” นายชัยพัฒน์ คุณาภิวัฒน์กุลกล่าว
ทางด้านนางสาวดุษฎีลักษณ์ อัครสกุลเกียรติ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการและผลิตภัณฑ์ ฟู้ดดีฮับ(FoodDeeHub) ภายใต้กลุ่มบริษัท สยาม คานาเดี่ยน กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดแบบ360 องศา คือ เน้นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งนี้จากแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคเน้นการทำตลาดช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เนื่องจากยุคนิวนอร์มอล โดยการทำตลาดแบบออนไลน์จะช่วยกระจายและขยายสินค้าได้ครอบคลุมมากกว่า
“วันนี้ ฟู้ดดีฮับ ยังถือว่าเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ใน E-commerce แต่ด้วยจุดแข็งและผลิตภัณฑ์ เสริมด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด การจัดโปรแถม ซึ่งฟู้ดดีฮับเลือกใช้ระบบขนส่งควบคุมอุณหภูมิที่ได้มาตราฐานสำหรับสินค้าทุกตัว เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าสูงสุดจนกระทั่งถึงมือลูกค้า ถึงแม้ค่าบริการในการขนส่งจะสูงกว่าการขนส่งด้วยรถร้อน โดยทางฟู้ดดีฮับ ได้แบ่งเบาลูกค้าในด้านค่าขนส่งมากกว่าครึ่งโดยคิดค่าขนส่งทั่วไทย เพียงแค่ 99 บาทต่อออร์เดอร์ในขณะนี้” นางสาวดุษฎีลักษณ์ อัครสกุลเกียรติกล่าว