ผู้เชี่ยวชาญชี้ เทรนด์แฟชั่นมาแรงในปี 2025 เน้น "ฮีลใจ" และ “ทัชใจ”
(กรุงเทพ 23 มีนาคม 2567) “Style Bangkok 2024” งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 24 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ภายใต้แนวคิดในธีม “ChicNature” นอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาตินำเสนอผลงานสินค้าที่เน้นความยั่งยืน ทั้งในแง่ของแนวคิด การออกแบบ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง ยังมีกิจกรรมสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจได้เข้ามาเติมเต็มความรู้ด้านเทรนด์สินค้าและการตลาด
อุตสาหกรรมแฟชั่นโลกกับความท้าทาย
ผศ.ดร.อโนทัย ชลชาติภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น บรรยายพิเศษในหัวข้อ Qurated Fasion Trend 2025
เปิดเทรนด์แฟชั่นโลกในปี 2568 ที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องของความขัดแย้งระหว่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาราคาพลังงานเชื้อเพลิง และภาวะโลกร้อน ส่งผลต่อความกลัว และรู้สึกไม่มั่นคงของคนทั่วไป ซึ่งความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเหล่านี้ส่งผลต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นของโลก รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ปรับสูงขึ้น พร้อมระบุว่าปัจจุบันผู้ประกอบการในฝั่งยุโรปต้องปรับตัว โดยวางแผนการผลิตสินค้าล่วงหน้าถึง 1 ปี เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เทรนด์แฟชั่นมาแรงในปี 2025 เน้น "ฮีลใจ" และ “ทัชใจ”
ปัญหาต่างๆ ที่โลกยังคงต้องเผชิญ ส่งผลให้ผู้คนเกิดความสับสน ความกลัว และมีความเปราะบาง จึงส่งผลให้มองหาสิ่งอื่นๆ รวมถึงสินค้าแฟชั่นเป็นสิ่งที่ “ฮีลใจ” ให้เกิดความผ่อนคลายจากความเครียดได้ นอกจากนี้สีสันในปี 2025 ยังเน้นกลุ่มสีสดใส จัดจ้าน นอกจากนี้ ผศ.ดร.อโนทัย ยังบอกว่าการเติมคุณค่าของความเป็นมนุษย์ หรือ Human Value เข้าไปในผลิตภัณฑ์ยังไม่สามารถมองข้ามไปได้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ “ทัชใจ” เพื่อเติมเต็มความสุขได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ส่งให้ผู้บริโภคได้ไปทำในขั้นตอนสุดท้าย เช่น ระบายสี ปักลาย ก็เป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจเช่นกัน
ถอดรหัส 4 ไลฟ์สไตล์ ให้เหมาะกับการตลาดยุคใหม่
ผลพวงของความไม่แน่นอนต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้แบ่งกลุ่มของผู้ที่ตอบรับต่อของสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลุ่มที่ไม่ยอมรับ กลุ่มที่หลีกหนีจากปัญหาแต่ยังคิดบวก และกลุ่มที่ยอมรับและปรับตัว และนำมาซึ่งการถอดรหัสไลฟ์สไตล์ใน 4 รูปแบบ เช่นเดียวกัน ได้แก่
1. New Normal Management กลุ่มที่จัดการกับสถานการณ์ที่เป็นปรากฎการณ์นิวนอร์มัล หรือ ความปกติใหม่
2. Let Go กลุ่มที่ปล่อยไปตามสถานการณ์
3. Retrospective กลุ่มที่ย้อนไปรำลึกเรื่องราวเก่าๆ ที่เป็นความสุข และ
4. Challenging กลุ่มที่เดินหน้าเผชิญกับปัญหา
ซึ่งแต่และไลฟ์สไตล์จะสอดคล้องกับการทำการตลาดใน 4 รูปแบบเช่นเดียวกัน ได้แก่
1. Professional Marketing ที่ตอบโจทย์กลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์เผชิญหน้ากับปัญหา โดยในกลุ่มนี้เน้นสินค้าคุณภาพ
2. Healing Marketing ใช้แนวคิดในการเยียวยาจิตใจ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มที่ปล่อยเรื่องราวต่างๆ ให้ไหลไปตามสถานการณ์
3. Nostalgic Marketing การนำเรื่องราวเก่าๆ ในอดีตมาสร้างความสุข เช่นเสื้อผ้าแนว Retro การฟังเพลงเก่าๆ
4. Sensory Marketing การใช้กลิ่นเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ บอกเล่าเรื่อง เช่นกลิ่นของความสนุก กลิ่นของความผ่อนคลาย ซึ่งเป็นการตลาดที่มีความน่าสนใจ
เทรนด์สำหรับ “สปริง” และ “ซัมเมอร์” ปี 2025
ผศ.ดร.อโนทัย รวบรวมเทรนด์จากทุกเวทีแฟชั่นทั่วโลก ด้วยการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP เพื่อให้นักออกแบบสามารถนำแนวทางไปพัฒนาแนวทางสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปได้แก่
1. Ethereal: เทรนด์ที่สะท้อนโลกในความฝัน เกินจริง ในยุคของดิจิทัล จับกลุ่มคน Gen Z และ Gen X
2. Lighthearted: เทรนด์ที่ตอบโจทย์การย้อนความสุขในวันวาน
3. De-Luxe: เทรนด์ที่ลดทอนความหรูหราลง แต่ยังคงความมีสไตล์ไว้
4. Gym Tonic: เทรนด์ที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการเวลาอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพ
ผศ.ดร.อโนทัย บอกว่าหากนักการตลาด และผู้ประกอบการ สามารถค้นหาความต้องการเหล่านี้ให้เจอ ก็จะสามารถที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันได้