ผู้ถือหุ้น GEL โหวตหนุนแผนเพิ่มทุนขาย RO ในอัตราส่วน 3:1 ราคา 0.23 บาท/หุ้น พร้อมแจกวอร์แรนท์ฟรี 2:1 ราคาใช้สิทธิ 0.50 บาท ฟากผู้บริหาร “ธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์” มั่นใจช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน รองรับแผนขยายธุรกิจ พร้อมลุยโครงการภาครัฐ หนุนผลงานปี 65 ฟื้นตัวแรง

นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GEL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,699 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียนเดิม 4,588 ล้านบาท เป็น 6,882 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน2,699 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.85 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) 1,799 ล้านหุ้น สัดส่วน 3:1 ราคาหุ้นละ 0.23 บาท

ส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออีกประมาณ 900 ล้านหุ้น รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) รุ่นที่ 5 หรือ GEL-W5 ที่จัดสรรฟรีให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน สัดส่วน 2:1 ในราคาใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นละ 0.50 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 และกำหนดวันจองซื้อและรับชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 – 2 มิถุนายน 2565

“การเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นแบบมีวัตถุประสงค์ชัดเจน โดยหลักเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทในการรองรับงานที่จะเพิ่มเข้ามามากในปีนี้ โดยบริษัทฯได้มีการขยายไปรับงานโครงการภาครัฐมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯสามารถสร้างฐานรายได้ที่มั่นคง โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3,820 ล้านบาท”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GEL กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2565 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตกว่าเท่าตัว เทียบปีที่ผ่านมารายได้รวมอยู่ที่ 1,662 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2566 และงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่เดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หมู่ และการคลายล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้งานก่อสร้างกลับมาคึกคัก  โดยบริษัทฯ พร้อมเข้าประมูลงานต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือ โดยคาดว่าจะสามารถคว้างานใหม่ได้ราว 2,500-3,000 ล้านบาทผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัท มีรายได้รวม 1,662 ล้านบาท ขาดทุนลดลงเหลือ 107 ล้านบาทเทียบปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 156 ล้านบาท ขณะที่งบเดี่ยวพลิกมีกำไร 6 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุน 140 ล้านบาท