ผู้ถือหุ้น บมจ. พรีบิลท์ พร้อมใจโหวตผ่านมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 อัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงินรวม 154.34 ล้านบาท กําหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 พร้อมอนุมัติวงเงินเสนอขายหุ้นกู้ ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ฟากซีอีโอ" วิโรจน์ เจริญตรา" ระบุตั้งเป้ารายได้เติบโต  10% จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง เตรียมเปิดตัว 2 โครงการปลายปีนี้ พร้อมปักธง 3 ปีเร่งเพิ่มสัดส่วนกำไรธุรกิจอสังหาฯ แตะ50%

นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จํากัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดําเนินงานปี 2565 บริษัทฯมีกําไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการในปี 2565 จํานวน 220.11 ล้านบาท หรือคิดเป็นกําไร 0.713 บาท/หุ้น และมีกําไรสุทธิตามงบการเงินรวมในปี 2565 จํานวน 354.93 ล้านบาท หรือ คิดเป็นกําไร 1.150 บาท/หุ้น (โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินร้อยละ 50 ของกําไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ) โดยจ่ายเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท หรือเป็นจํานวนไม่เกิน 154.34 ล้านบาทรวมเป็นจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท หรือร้อยละ 70.12  โดยจะกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 และ กําหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวภายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566

รวมทั้งอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้โดยมี ชนิดหุ้นกู้ประเภทมีหลักประกันหรือไม่มีหลักประกัน มูลค่ารวมหุ้นกู้ วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทหรือ เงินสกุลต่างประเทศอื่นในจํานวนที่เท่ากัน อายุไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันออกหุ้นกู้

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ  ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังเติบโตต่อเนื่อง และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 จะมีรายได้มาจาก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพิมนารา ศรีนครินทร์ – บางนา โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์ – รังสิต โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์ – รังสิต และที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก 2 โครงการ คือ โครงการพิมนารา ศาลายาและโครงการพรรณนา ทวีวัฒนา ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีมูลค่ายอดโอนรวมกันกว่า 1,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจะเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็น 50% ของกำไรรวมจากปี 2565 มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ขณะที่กำไรมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ 80%

ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้(backlog) ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ในระยะเวลา 2 ปี โดยรับรู้ปีนี้ราว 50% และบริษัทฯ  ได้ยื่นประมูลงานรับเหมาก่อสร้างใหม่ ซึ่งเป็นงานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน 4 โครงการ รวมทั้งยังมีงานที่รอประมูลใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง