บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุน TEMxCH ลงทุนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ไม่รวมจีน ขุมพลังเศรษฐกิจโลก
27 พ.ค. 67 - บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอ็กซ์ ไชน่า (TEMxCH) เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งหรือดำเนินธุรกิจหลักอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งไม่รวมประเทศจีน ชี้เป็นกลุ่มประเทศที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของโลก
สร้างโอกาสกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต จังหวะเหมาะซื้อรอรับอานิสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า เปิด IPO 27 พ.ค. - 5 มิ.ย. 67
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
(Mr. Saharat Chudsuwan, Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็น กลุ่มประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตโดดเด่นจากจำนวนประชากรวัยทำงานที่มากเป็นอันดับ 1 ของโลกส่งผลให้มีกำลังการบริโภคสูง อีกทั้งเป็นกลุ่มประเทศที่เป็นผู้ผลิตชิปซึ่งเป็นเบื้องหลังของธุรกิจ
AI ที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของโลก รวมถึงเป็นกลุ่มประเทศส่งออกทรัพยากรธรรมชาติและเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจข้อมูลพบว่าปัจจุบันนักลงทุนไทยยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ค่อนข้างน้อย และเน้นลงทุนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นจีนเป็นหลัก
ดังนั้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้กระจายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศที่เติบโตสูง บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอ็กซ์ ไชน่า (TEMxCH) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ลงทุนใน Invesco Emerging Markets ex-China Equity Fund Class C-Acc (กองทุนหลัก)
ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งหรือมีการดำเนินธุรกิจหลักอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งไม่รวมประเทศจีนเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน 2567
“ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่เป็นตลาดที่น่าลงทุน เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศในกลุ่มที่พัฒนาแล้ว โดยมีปัจจัยพื้นฐานจากจำนวนประชากรที่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก มีประชากรวัยแรงงานจำนวนมากที่เป็นฐานการบริโภคที่สำคัญ และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกอีกด้วย
จึงกล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มประเทศที่เป็นขุมพลังใหม่ของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ จากสถิติพบว่าในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า และมักจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ดังนั้น จังหวะนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน
นอกจากนี้ กองทุนหลักยังเน้นลงทุนในธุรกิจที่โดดเด่นในแต่ละตลาด เช่น ลงทุนในธุรกิจธนาคารของประเทศอินเดียที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ลงทุนในธุรกิจ semiconductor ในเกาหลีและไต้หวัน เป็นต้น” นายสาห์รัชกล่าว
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 พบว่า 3 อันดับแรกคือ 1. Taiwan Semiconductor Manufacturing บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก เพราะสามารถผลิตชิปขนาดเล็ก 3nm ที่มีคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของธุรกิจผลิตภัณฑ์มือถือและ Data Center 2.
Samsung Electronics ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าจากเกาหลี ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าในอนาคตรายได้ส่วนชิปหน่วยความจำต่างๆ ที่บริษัทผลิตจะได้รับความนิยมมากขึ้นจากการเข้ามาของ AI และ 3. HDFC Bank ธนาคารเอกชนใหญ่ที่สุดในอินเดีย ที่มีสินเชื่อและเงินฝากของอินเดียกว่า
60% อยู่ในธนาคาร ผลประกอบการโตแข็งแกร่งตามสัดส่วนเงินฝากที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของกลุ่มมนุษย์เงินเดือนในประเทศ
พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ลงทุนกองทุน TEMxCH ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน 2567 ยอดเงินลงทุน 10 ล้านบาทขึ้นไป รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) มูลค่า 10,000 บาท ยอดเงินลงทุน 1,000,000 - 9,999,999 บาท รับหน่วยลงทุน TISCOSTF มูลค่า
1,000 บาท และยอดเงินลงทุน 100,000 – 999,999 บาท รับหน่วยลงทุน TISCOSTF มูลค่า 100 บาท (1 ท่านต่อ 1 สิทธิ)
กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่
บลจ.ทิสโก้ หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4