บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ ขายหุ้น IPO 3.90 บาทต่อหุ้น นักลงทุนเตรียมจองซื้อ 25-27 ส.ค. นี้
บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์’ หรือ CV ผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร กำหนดราคาขายหุ้น IPO ที่ 3.90 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 25-27 สิงหาคม 64 เดินหน้ากลยุทธ์สร้างการเติบโตผ่านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร ผ่าน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า (Power Producer) ธุรกิจด้านงานวิศวกรรม (Valued EPC) และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Supporting Business) ตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตติดตั้งซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนารวม 180 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566 ก้าวสู่บริษัทพลังงานชั้นนำที่ส่งมอบคุณค่าจากพลังงานหมุนเวียน สู่สังคมโลกเพื่อความยั่งยืน
บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 5 ราย เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ CV ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือCV ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมแบบครบวงจรเปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนครั้งนี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคตโดยวางเป้าหมาย 3 ปี ข้างหน้า (2564-2566) จะมุ่งขยายธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะมุ่งเน้นลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนผ่านการพัฒนาโครงการเองหรือเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตร รวมถึงเข้าซื้อกิจการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมาย
โดยปัจจุบัน CV มีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 4 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 26.2 เมกะวัตต์ และมีปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญารวม 23.6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โครงการและโรงไฟฟ้าขยะ1 โครงการ ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีความมั่นคงค่อนข้างสูงในระยะยาว จากการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ประกอบกับการขยายโอกาสเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศที่มีศักยภาพ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2 โครงการ39.8 เมกะวัตต์ ถือเป็นโอกาสในการต่อยอดไปสู่เป้าหมายมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาให้มีกำลังการผลิตติดตั้ง จำนวนรวม85 เมกะวัตต์ ภายในปี 2564 และ 180 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขยายการลงทุนควบคู่กับงานด้านวิศวกรรม (Valued EPC) แบบครบวงจรในกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ อาทิ ชีวมวล ขยะ และก๊าซชีวภาพรวมถึงพลังงานสะอาด ได้แก่พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Supporting) เพื่อช่วยสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงในธุรกิจโรงไฟฟ้า ผ่านการเข้าประมูลเพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าในประเทศตามแผน AEDP 2018 ส่งเสริมการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มขึ้น โดยใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับงาน EPC จากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศ และโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจากเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน รวมถึงสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะพิจารณาถึงโอกาสทางธุรกิจ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่คาดว่าจะได้รับและพิจารณาจากฐานะทางการเงินและสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นประกอบการพิจารณาเข้าลงทุนในแต่ละโครงการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ เป็นสำคัญ
“แผนการเติบโตผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ทั้งลงทุนพัฒนาโครงการ และ/หรือเข้าลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศ ลงทุนในธุรกิจสนับสนุนด้านเชื้อเพลิงซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงและต่อยอดซึ่งกันและกัน ประกอบกับสิ่งที่บริษัทฯ ได้ลงทุนมาก่อนหน้า เริ่มรับรู้แบบเป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปีจากโรงไฟฟ้า CPX, RTB ซึ่ง COD แล้วตั้งแต่ปี 2563 รวมถึงโครงการโรงคัดแยกขยะ จ.พิจิตร ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ และสร้างรายได้จากการขายวัตถุดิบให้โรงไฟฟ้าอื่น ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปีนี้รวมถึงการลงทุนในกิจการด้านงานวิศวกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มวิศวกรรมให้กว้างขึ้น ถือเป็นการสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่ง” นายเศรษฐศิริ กล่าว
นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมสะท้อนพื้นฐานและศักยภาพการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้ให้บริการทางด้านวิศวกรรมแบบครบวงจร ทั้งการออกแบบก่อสร้างโรงไฟฟ้า บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา ตลอดจนลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากว่า 15 ปี ที่สร้างโอกาสเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้
“มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของ CV ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อย ด้วยการกำหนดราคาที่ราคา 3.90 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และจากแผนการลงทุนที่ชัดเจนในการขยายโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนมากขึ้น” นายชัยพัชร์ กล่าว
นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ของ บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงานและฐานะการเงินเพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนต่างๆ จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านงานวิศวกรรม ที่ส่งมอบผลงานให้บริการด้านวิศวกรรมออกแบบและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมาหลายโครงการ ทำให้CV มีความรู้ความเข้าใจในด้านเทคโนโลยีที่เฉพาะเจาะจง การออกแบบ การก่อสร้าง การเดินเครื่องจักรและการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ซึ่งจุดแข็งดังกล่าว ทำให้ CV มีการการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันด้านการควบคุมต้นทุนของธุรกิจโรงไฟฟ้า ในการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ แหล่งที่มาของรายได้ CV ถือว่ามาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีความมั่นคง จากระยะเวลาทำสัญญาระยะยาว ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา CV ได้ศึกษาโอกาสเข้าลงทุนซื้อกิจการในโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว รวมถึงการเข้าลงทุนพัฒนาโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสในการต่อยอดผลการดำเนินงานของ CV และสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอในอนาคต
ปัจจุบัน CV มีทุนจดทะเบียน 640,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,280,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 480,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 960,000,000 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 320,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและคืนเงินกู้ยืมกรรมการของกลุ่มบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ