ททท. จับมือบริษัทประกันชั้นนำสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ
ททท. จับมือบริษัทประกันชั้นนำสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ด้วยโครงการ Thailand Travel Shield
บ่ายวันนี้ (2 เมษายน 2562) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางสาววราวรรณ เวชชสัสถ์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) นายบดินทร์ เจียไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายกีรติ พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการการประกันภัยการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ (Thailand Travel Shield) ณ อาคาร ททท.
0000000นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้สนับสนุนให้เกิดโครงการการประกันภัยการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือ Thailand Travel Shield ซึ่งได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 ซึ่งจะครบ 5 ปีในปีนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการนำนโยบายด้านความปลอดภัยทางการท่องเที่ยวไปสู่เชิงปฏิบัติ โดยร่วมมือกับบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในการร่วมกันนำเสนอแผนประกันภัยการเดินทางที่มีความยุติธรรมและมีมาตรฐานการบริการที่สะดวกรวดเร็ว รวมถึงมีความหลากหลายและเหมาะสมกับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในทุกระดับ เพื่อสร้างความประทับใจและสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้ ททท. จะสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ ผ่านทางเว็บไซต์ของ ททท. และเครือข่ายของสำนักงาน ททท. ทั้งสำนักงานในประเทศ 45 สำนักงาน และสำนักงานต่างประเทศ 29 สำนักงาน
นายบดินทร์ เจียไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้ นับเป็นเรื่องที่สร้างประโยชน์กับการท่องเที่ยวและการประกันภัยอย่างยิ่ง ทั้งนี้ บริษัทประกันวินาศภัยทั้ง 3 บริษัทฯ เป็นภาคเอกชนที่คนไทยรู้จัก และมีชื่อเสียงระดับมาตรฐานสากล มีความชำนาญในการดำเนินธุรกิจด้านการประกันภัยมาอย่างยาวนาน เล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้จับมือกับ ททท. ในการดำเนินงานโครงการประกันภัยการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ (Thailand Travel Shield) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยดำเนินการร่วมกันมาอย่างยาวนาน และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้การตอบรับและสนใจซื้อประกันภัย Thailand Travel Shield อย่างต่อเนื่อง โดยต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เห็นถึงประโยชน์ และความสำคัญ ในการทำประกันภัย เพื่อลดความเสี่ยงและบรรเทาความสูญเสียหรือเสียหายในเหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยลดภาระของภาครัฐ ในด้านงบประมาณ และผลกระทบอื่นๆ ที่ตามมา ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางเท่านั้น แต่ยังได้ส่งเสริมภาพลักษณ์และยกระดับด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ในสภาวะการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกสูง นอกจากนี้ ยังแสดงให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกเชื่อมั่นและเห็นถึงมาตรฐานการประกันภัยของภาคเอกชนของไทย ว่ามีมาตรฐานการคุ้มครองและช่วยเหลือเทียบเท่าระดับสากล
นายกีรติ พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า โครงการประกันภัยการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศนี้ จะช่วยแบ่งเบาภาระจากความเสี่ยงภัยที่อาจเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวในในหลายๆ ด้าน อีกด้านหนึ่งถือเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศเมื่อเราได้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วยความประทับใจ จากสถิติข้อมูลของนักท่องเที่ยวในปี 2561 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย กว่า 38 ล้านคน โดย 54% เป็นนักท่องเที่ยวจากทวีปเอเชีย เช่น จีน มาเลเซีย เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและอเมริกาอยู่บ้าง โครงการฯ ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ล้านคน (Foreign Individual Tourism: FIT) คิดเป็นเป้าหมายที่ 100,000 กรมธรรม์ (1% penetration) นักท่องเที่ยวสามารถซื้อประกันภัยการเดินทาง Thailand Travel Shield ได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.thailandtravelshield.tourismthailand.org ซึ่งรองรับ 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษและภาษาจีน มีช่องทางการชำระเงินที่สะดวกหลายช่องทาง ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเดบิต AliPay Union Pay จากนั้นระบบจะจัดส่งกรมธรรม์ (e policy) ให้ลูกค้าทาง email ดังนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวซื้อแผนประกันภัยแล้ว กรมธรรม์ประกันภัยจะเริ่มมีผลคุ้มครองทันทีเมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) จากนั้นถือเป็นหน้าที่ของแต่ละบริษัทประกันภัยที่จะต้องช่วยกันให้บริการและช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากที่สุดจนกว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางกลับ ซึ่งโครงการฯ เป็นการร่วมกันออกแบบแผนความคุ้มครองที่คำนึงถึงประโยชน์ที่นักท่องเที่ยวพึงจะได้รับ ให้สอดคล้องและครอบคลุมกับภัยหรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิด อาทิ อุบัติเหตุ เจ็บป่วย การยกเลิกการเดินทางหรือเรื่องอื่นๆ ตลอดถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลนักท่องเที่ยวของทั้ง 3 บริษัท นอกจากนี้ ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (โทร.+66 2342 3255) ที่สื่อสารได้ถึง 40 ภาษา มีโรงพยาบาลและสถานพยาบาลเครือข่ายกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ที่สามารถเข้าใช้บริการได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกมากที่สุด และเชื่อว่าหากโครงการนี้มีผลตอบรับที่ดีจะส่งผลทำให้ประเทศของเรามีชื่อเสียงและมีเศษฐกิจที่ดีขึ้นแน่นอน
นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยความตั้งใจของทั้ง 3 บริษัท ที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศรู้สึกมั่นใจในทุกกิจกรรมของการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงได้ร่วมกันพัฒนาแผนประกันภัยการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้มีความหลากหลาย คุ้มค่า และเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกระดับ ด้วยมาตรฐานการบริการในระดับสากล นอกจากนี้ ยังมีบริการความช่วยเหลือในการเดินทาง (Travel Assistance Service) อย่างทันท่วงที ตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ การเคลื่อนย้ายทางการแพทย์ฉุกเฉินไปยังสถานพยาบาลเมื่อนักท่องเที่ยวบาดเจ็บสาหัสหรือเจ็บป่วยร้ายแรง หรือกรณีเสียชีวิต มีบริการส่งกลับสู่ประเทศภูมิลำเนา โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ โดยในมิติแรก คือ การลงนามความร่วมมือระหว่าง ททท. กับ 3 บริษัทประกันภัย เพื่อทำให้โครงการ Thailand Travel Shield นี้ให้เกิดขึ้น มิติที่ 2 คือ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อและได้รับกรมธรรม์ทันที และมิติที่ 3 คือการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ตลอดจนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีสู่นานาประเทศ