ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ร่วมลงนามMouกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อความร่วมมือทางวิชาการด้านการดูแลสุขภาพในภาคอุตสาหกรรม

ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ร่วมลงนามMouกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อความร่วมมือทางวิชาการด้านการดูแลสุขภาพในภาคอุตสาหกรรม

บรรยายภาพ: นางสาวจรีพร จารุกรสกุล (กลางขวา) ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ รศ.ดร. สราวุธ เทพานนท์ (กลางซ้าย) คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมถ่ายภาพในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อาคารดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์

กรุงเทพฯ- 26 มกราคม 2565 – บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อยกระดับความร่วมมือด้าน "การดูแลสุขภาพในภาคอุตสาหกรรม" โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและส่งเสริมความตระหนักรู้และความเข้าใจด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในภาคอุตสาหกรรม เพื่อที่จะพัฒนาหลักสูตรทางวิชาการและการฝึกอบรมที่ครอบคลุมสำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาด้านสาธารณสุขศาสตร์และสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่สนใจในการพัฒนาอุตสาหกรรม

บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ลงนามโดย นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ รศ.ดร. สราวุธ เทพานนท์คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีผู้บริหารของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป และทีมบริหารจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมเป็นสักขีพยาน

ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้มีระยะเวลา 5 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในการจัดหาสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและมีความปลอดภัยสำหรับผู้ที่ทำงานในโรงงานและพนักงานในศูนย์โลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับนักศึกษา อันเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษาโดยการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลระหว่างสองสถาบันนี้จะช่วยให้นักศึกษา พนักงานบริษัท และผู้นำในอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ สามารถเล็งเห็นถึงปัญหาด้านสุขภาพในสถานประกอบการอุตสาหกรรมด้วยมุมมองใหม่ ๆ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาและนำเสนอแนวทางแก้ไขที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวบุคคลบริษัท สังคม และประเทศชาติต่อไป

สำหรับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ความร่วมมือนี้จะสนับสนุนและส่งเสริมการสร้างหลักสูตรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในที่ทำงานและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ นักศึกษายังจะได้รับประโยชน์จากหลักสูตรที่จะเปิดสอนขึ้นหลังจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงนี้ และได้รับรู้ประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง อีกทั้งยังสามารถตระหนักถึงประโยชน์ของการฝึกปฏิบัติงานในปัจจุบันและประยุกต์ใช้ทักษะที่ได้เรียนรู้ในห้องเรียนกับที่ทำงาน ตลอดจนแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้ในที่ทำงานกับเพื่อนๆตามโครงการผลิต “บัณฑิตพันธุ์ใหม่” ที่ให้ความสนใจในการศึกษาเชิงวิชาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานอย่างแท้จริง

รศ. ดร. สราวุธ กล่าวในพิธีลงนามว่า “ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการฉบับนี้คือโอกาสอันทรงคุณค่าสำหรับคณะของเราในการร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมโดยตรง เรารู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในฐานะพันธมิตรสำหรับโครงการอันน่าชื่นชมนี้ นอกจากนี้ การสนับสนุน ประสบการณ์ และข้อมูลเชิงลึกของบริษัท จะช่วยให้เราออกแบบและสร้างหลักสูตรการเรียนรู้และฝึกอบรมที่จะเป็นดั่งมิติใหม่ของคณะ ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้นักศึกษาของเรามีโอกาสได้ร่วมสังเกตการณ์ทั้งบริษัทไทยและต่างประเทศในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ของประเทศไทย และได้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ นักศึกษายังจะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์จริงและตระหนักถึงวิธีการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพในอุตสาหกรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป”

นางสาวจรีพร กล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือครั้งใหม่ระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการฉบับนี้กับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปเป็นอย่างมากด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีในศูนย์โลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งของเรา ความร่วมมือนี้จึงสอดคล้องกับพันธกิจองค์กรของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป และด้วยความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย เราสามารถสร้างความตระหนักด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน สนับสนุนการสร้างหลักสูตรทางวิชาการที่สามารถช่วยสร้างงานใหม่ๆ ตลอดจนนำเสนอนโยบายที่ยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมอันจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต”

ข่าวเกี่ยวข้อง