กูรูหุ้นเชียร์ “ซื้อ” MTC ผู้นำสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์อัพไซด์เพียบเทียบราคาเป้าหมายสูงสุด 78 บ.ชี้เข้าสู่โหมดเติบโต-กำไรออลไทม์ไฮต่อเนื่อง
MTC ยิ้ม Q1/65 กำไรโต ทุบสถิติใหม่! ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย78 บาท อัพไซด์ 84.61% เดินเกมรุก เปิดสาขาปูพรมทั่วไทย 6,500 แห่งปั๊มยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ ดันกำไรนิวไฮต่อเนื่อง
แม้ราคาหุ้นของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ผู้นำในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ จะปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาจากผลกระทบตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทรุดตัว จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และความผันผวนของราคาเหรียญคริปโตฯ แต่ถ้ามองในปัจจัยพื้นฐานโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากนโยบายเชิงรุกในการปล่อยสินเชื่อ โดยส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 63-78 บาท
ขณะที่ราคาปิด MTC ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 42.25 บาท หากเทียบราคาเป้าหมายสูงสุดที่ บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้ไว้ที่ 78 บาท ราคาหุ้น MTC ถือว่ามีอัพไซด์สูงถึง 84.61%
บทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ MTC ในปี 2565 กลับสู่โหมดเติบโต โดยผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อโต 30% นำโดยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ บริษัทฯยังใช้กลยุทธ์ขยายสาขาเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด ด้านสินค้าใหม่คือ สินเชื่อที่ไม่ใช่รถ (เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือ อุปกรณ์การศึกษา ฯลฯ) เริ่มให้บริการแล้วในไตรมาส 1/65 คาดพอร์ตส่วนนี้จะไม่เกิน 5 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้ รวมทั้งให้ Guidance ว่า NPL ratio จะต่ำกว่า 2% และ Coverage ratio ไม่น้อยกว่า 100% ส่วน Credit cost อยู่ที่ 120-150bps พร้อมกันนี้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาพื้นฐานเป็น 78 บาท
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด มองว่า ราคาหุ้น MTC ต่ำเกินพื้นฐาน เป็นจังหวะเข้าซื้อลงทุน ทั้งนี้ กำไรไตรมาส 1/65 ถือเป็นไตรมาสที่กลับมาทำนิวไฮอีกครั้ง +25% QoQ ตามการรุกขยายสินเชื่อที่โตสูง โดยยังคงเป้าทางการเงินทั้งสินเชื่อโต 30% NPL น้อยกว่า 2% มั่นใจทำได้ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโตแตะ 2 แสนล้านบาท ในอีก 4 ปี โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ทำนิวไฮและดีต่อเนื่อง+28% YoY ได้ประโยชน์จาก Economy of scale บนฐานลูกค้าที่ใหญ่มากขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท
“ราคาหุ้นที่อ่อนตัวสะท้อนปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไประดับหนึ่งแล้ว เป็นโอกาส "เข้าซื้อลงทุน" เชื่อกำไรปีนี้โตโดดเด่นยังชอบ MTC ถือเป็นผู้นำกลุ่มจำนำทะเบียนที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 67 บาท”
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 65 บาท โดยประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารยังคงตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโตที่ 30% ผ่านการเติบโตของสาขา โดยหลักเป็นการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียน ผู้บริหารย้ำ Yield ในปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ cost/income ratio ยังคงตั้งเป้าอยู่ที่ 48-50% หลักๆจากการเปิดสาขาขนาดเล็กลงรวมทั้งสินเชื่อต่อสาขาที่เติบโตขึ้น ผู้บริหารยังคงมั่นใจตั้งเป้า NPL/Loan ratio ปีนี้ไม่เกินระดับที่ 2% โดยการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
“เรามีความมั่นใจต่อผลประกอบการปีนี้มากขึ้นของ MTC จากสินเชื่อเติบโต yield ที่เป็นจุดต่ำสุดแล้วรวมทั้ง credit cost ที่มีแนวโน้มลดลง ผ่านการบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง รวมทั้งมีอัพไซด์จากสินเชื่อbuy now pay later ในปีนี้ โดยรวมเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 65 บาท”
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ผู้นำในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานรวมสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 15.31% มีกำไรสุทธิ 1,375 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 98,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25,065 ล้านบาท หรือ34.08% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 31 เดือนมีนาคม มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็นจำนวน 362 สาขา ส่งผลให้ บริษัทฯมีสาขา 6,161 สาขา กระจายทั่วประเทศ
“แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยังคงอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้การดำเนินงานของบริษัทฯสะดุดแม้แต่น้อย ด้วยปัจจัยความต้องการใช้เงินทุนในกลุ่มลูกค้าตามต่างจังหวัดมีอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายสาขาตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 700 สาขา ครบ 6,500 สาขาภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการสินเชื่อ โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยที่ต้องการสินเชื่อที่ไม่ยุ่งยากเป็นธรรม และลดการพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ บริษัทฯ หวังผลักดันพอร์ตสินเชื่อเติบโต 30% และควบคุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2%”นายชูชาติ กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร MTC กล่าวอีกว่า ถึงแม้ผลประกอบการของ MTC จะทุบสถิติทั้งด้านการปล่อยสินเชื่อและด้านกำไรสุทธิ แต่ดูเหมือนตลาดกลับไม่ตอบสนองในทางบวก ซึ่งเข้าใจว่า น่าจะรายย่อยที่มีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาด อันเนื่องมาจากปัญหา เรื่อง คริปโตเคอร์เรนซีจึงได้ขายหุ้นออกมา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่อออกมา มีมุมมองเป็นบวก ต่อหุ้นMTC