ก.ล.ต.ไฟเขียว “TBN” ขายไอพีโอ 25 ล้านหุ้น พร้อมลุยเทรด mai ปีนี้   ปักธงยกระดับอุตสาหกรรมไอทีโตรับเทรนด์ดิจิทัลเปลี่ยนโลก

ก.ล.ต.ไฟเขียว “TBN” ขายไอพีโอ 25 ล้านหุ้น พร้อมลุยเทรด mai ปีนี้   ปักธงยกระดับอุตสาหกรรมไอทีโตรับเทรนด์ดิจิทัลเปลี่ยนโลก

สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอ บมจ. ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น หรือ “TBN” เสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน25 ล้านหุ้น แย้มแผนเดินหน้าเสนอขายหุ้นไอพีโอ ในตลาด mai ภายในปี 2566  โชว์ศักยภาพผู้นำในการพัฒนาและให้บริการด้าน Digital Solutions แบบครบวงจร (One Stop Service) ด้าน “ปนายุ ศิริกระจ่างศรี” ซีอีโอ เปิดสตอรี่ เงินระดมทุนไอพีโอ เตรียมใช้ต่อยอดโอกาสขยายธุรกิจ รองรับ Digital Transformation ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น พร้อมติดสปีดเพิ่มบุคลากรไอที รองรับเทรนด์ดิจิทัลที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน มุ่งสู่การสร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน  

นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 25 ล้านหุ้นเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 โดย TBN เสนอขายหุ้นจำนวน 25 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้(Par value) 0.50 บาทต่อหุ้น มีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อสนับสนุนให้TBN มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการเติบโตรองรับ Digital Transformation ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

TBN จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน เช่น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อรองรับ Digital Transformation ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ใช้ในการเพิ่มจำนวนบุคลากร การพัฒนาระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับจำนวนโครงการและจำนวนบุคลากรที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้นโดยระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 2568

TBN เป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ MENDIX License รายแรกและปัจจุบันเป็นรายเดียวในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก Siemens ให้เป็นผู้จัดจำหน่าย MENDIX License อย่างเป็นทางการรายแรกในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 และได้ต่อสัญญาต่อเนื่องทุกปี ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้รวดเร็ว และทันตามความต้องการของลูกค้ากว่าการพัฒนาแบบดั้งเดิม การใช้ Low Code คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นการบริหารจัดการบุคลากรเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงบุคลากรเฉพาะทาง เช่น กลุ่มนักพัฒนาระบบ เป็นต้น

“ด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน Low Code มากว่า 15 ปี บริษัทฯ มีทีมงานและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความเข้าใจใน MENDIX เป็นอย่างดี และได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ระดับประเทศ บริษัทฯ สามารถให้บริการงานพัฒนาระบบดิจิทัลแบบครบวงจร (One-Stop Service) ทั้งแบบ Low Code และ High Code ทำให้ได้เปรียบในเชิงกลยุทธ์และตอบสนองได้ตรงต่อความต้องการของลูกค้า บริษัทฯ มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Low Code และสร้าง Digital Transformation เพื่อยกระดับธุรกิจคู่ค้าให้ไปสู่ระดับภูมิภาค การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน” นายปนายุ กล่าว

นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้ อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN เรียบร้อยแล้วตามแผน ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม เพื่อเสนอขายหุ้น IPO คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจเทคโนโลยี ภายในปี 2566

สำหรับฐานะทางการเงินในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2564) รายได้จากการให้บริการของบริษัทฯ มีจำนวนเท่ากับ 130.38 ล้านบาท 215.73 ล้านบาท และ 291.19 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 65.47 และร้อยละ 34.98 ตามลำดับ และสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2564 และปี 2565 เท่ากับ 198.12 ล้านบาท และ 243.96 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.44 ล้านบาท87.61 ล้านบาท และ 84.04 ล้านบาท ตามลำดับ และในงวด 9 เดือนของปี 2564 และปี 2565 มีกำไรสุทธิ 58.70 ล้านบาท และ 26.52 ล้านบาท

ด้านภาพรวมตลาด Low Code ทั่วโลกมีมูลค่าเกือบ 21.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 และคาดว่าจะ

สูงถึง 190.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 31.30 ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโตคือ ความต้องการ application ที่ต้องสร้างได้อย่างรวดเร็ว แข่งกับเวลา (Time to market) องค์กรจึงนำ Low Code มาใช้เพื่อให้นักพัฒนาผลิต application ได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของตลาด โดยมีผลการวิจัยที่คาดการณ์ว่านักพัฒนา Low Code จะคิดเป็นร้อยละ 40 ของจำนวนนักพัฒนาทั้งหมดภายในปี 2573 และการพัฒนาแอปพลิเคชันผ่าน Low Code จะคิดเป็นร้อยละ70 ของจำนวนแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในปี 2568

“มองว่าโอกาสของ TBN หลังจากบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะทำให้บริษัทฯมีความพร้อมมากขึ้นในการลงทุนด้านการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Low Code หรือHigh Code หรือแม้แต่การพัฒนาเทคโนโลยี เครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ เพื่อมาช่วยในการเขียนโปรแกรม และเพิ่มศักยภาพให้ TBN ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการพัฒนาและให้บริการด้าน Digital Solutions แบบครบวงจร (One Stop Service) ได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต” นางสาวเดือนพรรณ กล่าว

ข่าวเกี่ยวข้อง