VRANDA เคาะราคา IPO ที่ 10 บาทต่อหุ้น หลังนักลงทุนสถาบันให้ความมั่นใจตอบรับจองซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขายถึง 6 เท่า พร้อมเปิดให้ประชาชนจองซื้อระหว่าง วันที่ 24 – 26 เมษายนนี้   ด้านผู้บริหาร “วีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์” มั่นใจกระแสตอบรับดี หลังเดินสายโรดโชว์นักลงทุนให้ความสนใจล้นหลาม นำเงินขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้และเป็นทุนหมุนเวียน รองรับการเติบโตในอนาคต
           
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของบริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA  เปิดเผยว่า หลังจากที่สำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา มีช่วงราคาเสนอขายที่หุ้นละ 9.80 – 10.00 บาทต่อหุ้น โดยพบว่ามีนักลงทุนสถาบันแสดงความสนใจซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 10 บาท และแสดงความต้องการซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขายถึง 6 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ดังนั้น จึงได้กำหนดราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 10 บาท และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75.00 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 23.46 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วภายหลัง IPO โดยกำหนดให้นักลงทุนจองซื้อระหว่างวันที่ 24 – 26 เมษายน 2562  ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)  และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 3 รายประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และคาดว่า VRANDAจะเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2562 นี้

ด้านนายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การระดมทุนในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่อนาคตที่แข็งแกร่ง เพื่อการพัฒนาและเจริญเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน  บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์การใช้เงิน โดยจะระดมทุนเพื่อนำไปใช้                                                     ขยายธุรกิจของบริษัทฯ ชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน                           

นายวีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการโรงแรม จำนวน 6 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ วีรันดา รีสอร์ท หัวหิน , วีรันดา เดอะ ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่, วีรันดา รีสอร์ท พัทยา, โซ โซฟิเทล แบงค็อก, ร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท และโครงการล่าสุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คือ โรงแรม เวอโซ หัวหิน ด้วยประสบการณ์ ความชำนาญ ตลอดจนความแข็งแกร่งของแบรนด์            “ วีรันดา รีสอร์ท”  บริษัทฯ จึงได้ขยายธุรกิจไปสู่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงการอาคารชุดพักอาศัย ในบริเวณติดกับโรงแรมของบริษัทฯ โดยดึงเอาบรรยากาศ และการออกแบบของโรงแรมที่สวยงามในลักษณะการผสมผสาน (Blended Design ) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมาร่วมเป็นจุดขายสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทฯ  จากจุดเด่นดังกล่าวทำให้โครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา  ,วีรันดา ไฮ เรสซิเดนซ์  เชียงใหม่ และโครงการล่าสุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คือ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี                            

นอกจากนี้ วีรันดา ยังได้ขยายสู่ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบด้วย ร้านอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อ Skoop Beach Café สาขาพัทยา และสาขาหัวหิน ที่เปิดดำเนินการเมื่อเดือนกันยายน  ปี 2558 และเดือนเมษายน ปี 2560  ตามลำดับ  และร้านเครื่องดื่ม และขนมหวาน ภายใต้ชื่อ KOF สาขาสาทร และทองหล่อ เปิดดำเนินการเมื่อเดือนมกราคม ปี 2561 และเดือนมิถุนายน ปี 2561 ตามลำดับ และบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขาร้าน KOF อีก 1 สาขาในช่วงปลายปี 2562 และนอกจากนี้ ภายในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดร้าน Skoop & Co. ที่โครงการ เจ อเวนิว ทองหล่อ และที่โครงการ เดอ มาร์เช่ จังหวัดเชียงใหม่ และร้านชานมไข่มุก The Alley ที่โครงการ เดอ มาร์เช่ จังหวัดเชียงใหม่