TBN ปีนี้จ่อ JV ลุยงานใหญ่เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มตัวแทนจำหน่ายประกัน ใน Q2 ปีนี้ 

TBN ปีนี้จ่อ JV ลุยงานใหญ่เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มตัวแทนจำหน่ายประกัน ใน Q2 ปีนี้ 

“บมจ.ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น หรือ TBN” หุ้นเทคฯ ไฮโกรท เผยทิศทางธุรกิจปี 2567 โตต่อเนื่อง ชูอัตรากำไรสุทธิโต 15-20% แย้มปีนี้คาดเห็น JV 1-2 ดีล ล่าสุดกอด Backlog อยู่ที่ 224 ลบ. ซึ่งยังไม่รวมรายได้ที่เป็น Recurring Income และมีโครงการที่อยู่ระหว่างประมูลหรือเจรจาอีกราว 478 ลบ. คาดช่วยหนุนผลงานบริษัทโตโดดเด่น พร้อมจ่อเปิดตัวแพลตฟอร์มตัวแทนจำหน่ายประกันในไตรมาส 2 ปีนี้ รวมถึงอานิสงส์ BOI ลดภาษีในปี 2567

นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN ผู้นำด้านเทคโนโลยี Mendix Low-Code ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในเอเชีย เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2567 ประเมินว่ายังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง มาจากรายได้จากการให้บริการของกลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัล เป้าหมายเติบโต 20-25% จากการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ รวมทั้ง รายได้รวมจากการขายและให้บริการปีนี้โต 3-5% ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 40% จากการเพิ่มขึ้นของดิจิทัลโซลูชั่น และ templatized platform

โดยบริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทในรูปแบบไวท์ เลเบล (White Label) หรือ เทมเพลต (Templatize) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการพัฒนาโครงการ ช่วยลดเวลาและต้นทุนค่าแรงของการพัฒนา ในเบื้องต้นบริษัทวางแผนที่จะพัฒนาระบบ Intelligent Process Automation, Insurance Agent Platform และ Insurance Broker Platform เป็นลำดับแรก

“ปีนี้บริษัทมีแผนปรับลดการให้บริการในกลุ่ม Cloud ลง และมีแผนเพิ่มบุคลากรด้านดิจิทัลประมาณ 10% เพื่อรองรับโครงการใหม่และที่สำคัญบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนและเป็นพันธมิตรในบริษัทอื่นๆในรูปแบบ JV หรือ M&A เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์และต่อยอดทางด้านธุรกิจ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเพิ่มช่องทางการตลาดหรือเรียกว่า Subject Matter Expert : SME คาดปีนี้จะเห็น 1-2 ดีล” นายปนายุ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทได้จัดสรรงบประมาณเพื่อศึกษาการลงทุนและเป็นพันธมิตรในบริษัทอื่นๆเพิ่ม เสริมสร้างกลยุทธ์และต่อยอดทางด้านธุรกิจ โดยบริษัทมุ่งเน้นที่ธุรกิจที่จะส่งเสริมและสร้าง Synergy ระหว่างกัน ทั้งในส่วนของ Low-Code และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 กลุ่มบริษัทฯมีโครงการระหว่างดำเนินการที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) มูลค่างานประมาณ 224 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ราว 158 ล้านบาท ภายในปี 2567 นี้ และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป  ซึ่งยังไม่รวมรายได้ประจำ (Recurring Income) และโครงการที่อยู่ใน Pipeline อีกราว 478 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทยังได้อานิสงส์จาก BOI ในการลดภาษีในปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราภาษีลดลงจาก 20% เป็นประมาณ 11-12%

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าในส่วนของเทคโนโลยี Low-Code ยังมีการเติบโตต่อเนื่องจนถึงปี 2030 และ AI ทำให้ Low-Code การใช้งานง่ายขึ้น โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลโซลูชั่นจะขยายตัวครอบคลุมทั่วทั้งภาคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม 4.0 ของประเทศไทย เสริมด้วยแรงหนุนจากความต้องการขององค์กรในการสร้างความทันสมัย และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

ข่าวเกี่ยวข้อง