SCB Abacus ลุยจับมือ 3 ธุรกิจหนุนลูกค้าพันธมิตรเข้าถึงโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึง ตอบโจทย์ ตรงใจ และปลอดภัย
SCB Abacus ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเงินกู้ “เงินทันเด้อ” ในฐานะแพลตฟอร์มสินเชื่อออนไลน์ที่ได้รับเงินทุนสูงสุดในไทย ปี 2022 เดินหน้าทำตามเป้าหมายลดช่องว่างการเข้าถึงเงินทุนของคนไทย จับมือ 3 พันธมิตรได้แก่ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว เทรนด์ดี้วอช และชิปป็อปเพื่อสนับสนุนลูกค้าของแต่ละธุรกิจให้เข้าถึงสินเชื่อได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังยินดีต้อนรับพันธมิตรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าที่หลากหลาย และร่วมกันสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้กับผู้ประกอบการรายย่อยต่อไป
ดร.อัญญรัตน์ บุญนิธิวรกุล Chief Commercial Officer บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus) เปิดเผยถึงการจับมือกับพันธมิตรพร้อมกันทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ เครือชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ธุรกิจร้านสะดวกซักเทรนด์ดี้วอช (Trendy Wash) และธุรกิจขนส่งพัสดุออนไลน์ชิปป๊อป (SHIPPOP) ว่า เป็นความร่วมมือทำแคมเปญแต่ละธุรกิจเพื่อสนับสนุนกลุ่มลูกค้าของพันธมิตรที่มีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งในฐานะผู้ประกอบการที่ขาดเงินทุนหมุนเวียนและต้องการเงินทุนเพื่อไปทำธุรกิจใหม่ รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อย และคนตัวเล็กที่มีข้อจำกัดหรือเข้าถึงสินเชื่อยาก สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อออนไลน์ที่ปลอดภัยจนสามารถสร้างโอกาสในการเติบโตได้
“นับเป็นครั้งแรกที่ SCB Abacus ได้ร่วมมืออย่างเป็นทางการกับผู้ประกอบการในรูปแบบพาร์ทเนอร์ชิพโมเดล ผ่านผลิตภัณฑ์ของ SCB Abacus นั่นคือ ‘แอปพลิเคชันเงินทันเด้อ’ ที่จะทำให้กลุ่มลูกค้าของพันธมิตรได้รู้จักและเข้าถึงการอนุมัติเงินกู้ทางออนไลน์ที่ถูกกฎหมาย ตอบโจทย์ ตรงใจ และปลอดภัยสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในปัจจุบันได้มากขึ้น โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากสถาบันการเงินแบบที่ใช้เวลานาน จึงช่วยต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีเงินทุนหมุนเวียน หรือใช้ในการดำเนินชีวิตปัจจุบันได้คล่องตัวขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวนและชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนคนตัวเล็กที่มองหาโอกาสในการเริ่มต้นทำธุรกิจ และพร้อมเติบโตสู่การเป็นเจ้าของกิจการ”
สำหรับพันธมิตร 3 ธุรกิจ ได้แก่ “เครือชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ธุรกิจอาหารรถเข็นแฟรนไชส์ครบวงจรแบบสตรีทฟู้ด ซึ่งอยู่เป็นตำนานคู่กับพี่น้องชาวไทยมาช้านาน ในอนาคตมีแผนจะจดทะเบียนและระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วย ปัจจุบันประกอบด้วย 5 แบรนด์ในเครือ โดยสัดส่วนรายได้ถึง 98 % ยังคงมาจากชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ส่วน 4 แบรนด์ที่เหลือ คือ พันปีหมี่เป็ดย่าง ชายใหญ่ข้าวมันไก่ ไก่หมุนคุณพัน และ ชายังชานมไข่มุก นอกจากนี้ ในอนาคตเครือชายสี่ฯ ยังมีความมุ่งมั่นจะขยายแบรนด์และตลาดไปยังเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง
“ถือเป็นพันธมิตรที่ Win-Win ทั้งคู่ ทั้งเครือชายสี่ฯ เพราะเท่ากับเป็นทางเลือกหนึ่งให้ทั้งกับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นแฟรนไชส์เดิมอยู่แล้ว รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ที่สนใจสมัครเป็นแฟรนไชส์จะได้รับความสะดวกสบาย และมีโอกาสทำแฟรนไชส์ในเครือชายสี่ฯ ได้อย่างยั่งยืน ตัวอย่างเช่น การพร้อมสนับสนุนกรณีที่ลูกค้ามีเงินไม่เพียงพอก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือการช่วยผู้สนใจทำแฟรนไชส์ได้ปลดล็อกเงื่อนไขบางข้อเพื่อที่จะสามารถซื้อแฟรนไชส์และเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้ ขณะที่ SCB Abacus เอง ก็มีโอกาสได้ช่วยให้คนทำมาหากินได้ก้าวสู่การเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กด้วยการเข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนได้มากกว่าเมื่อก่อน”
สำหรับธุรกิจที่ 2 คือ ธุรกิจร้านสะดวกซักเทรนด์ดี้วอช (Trendy Wash) ที่เริ่มต้นธุรกิจจากการให้บริการWi-Fi สู่บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญในคอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจุบันให้บริการในคอนโดฯ ชั้นนำที่มีคนอยู่จำนวนมาก มีผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและวัยเริ่มต้นทำงานประจำ (First Jobber) ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 250 แห่งทั่วประเทศ และจะเพิ่มเป็น 300 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนธุรกิจที่ 3 คือ ชิปป๊อป(SHIPPOP) สตาร์ทอัพที่ให้บริการขนส่งพัสดุและเชื่อมต่อกับผู้ขนส่งพัสดุออนไลน์ทั้งหมด 27 เจ้าทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจุดบริการให้ลูกค้าทั้งหมด 1,200 สาขา
ดร.อัญญรัตน์ กล่าวถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 2 แห่งนี้ว่า ทั้ง Trendy Wash และ SHIPPOP ถือเป็นความร่วมมือกันเพื่อสื่อสารกับลูกค้าที่มาใช้บริการกับทั้ง 2 แบรนด์โดยตรง (End Consumer) ให้ได้รู้จัก‘แอปพลิเคชันเงินทันเด้อ’ มากขึ้น ในระหว่างที่รอซักผ้า หรือเวลาที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มาส่งพัสดุจะได้เห็นว่า เขามีทางเลือกในการเข้าถึงต้นทุนทางการเงินที่ปลอดภัย หรือมีเงินไปหมุนเวียนในการประกอบอาชีพหรือใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้เงินนอกระบบที่มีความเสี่ยงสูงและอาจโดนเอารัดเอาเปรียบ
“จุดประสงค์เราต้องการช่วยพลิกคุณภาพการเงินของคนเครดิตน้อย กู้ยากในเมืองไทย โดยตั้งเป้าที่จะให้บริการสินเชื่อกับกลุ่มคนกู้ยาก 10% ในไทยหรือราว 2.5 ล้านคน ภายในปี 2567 พร้อมก้าวเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต โดยเรายินดีต้อนรับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันในการร่วมสร้างโอกาสทางการเงินให้กับผู้คนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งไปพร้อมกันๆ ทำให้ SCB Abacus สามารถขยายฐานลูกค้าออกไปได้ 6 เท่าตัวในช่วงปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ หัวใจสำคัญที่ทำให้พันธมิตรเลือก SCB Abacus คือการนำความต้องการของลูกค้าพันธมิตรมาพัฒนาเป็นไอเดียและโซลูชันเฉพาะที่ตอบโจทย์ความท้าทายแตกต่างกัน โดยเน้นหลักให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer centric) ฟังอย่างเข้าใจ และคุยอย่างเข้าถึง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ลึกซึ้งของลูกค้าพันธมิตรแต่ละราย นอกจากนี้ SCB Abacus คือบริษัท Data tech ที่มีทีมงานเทคโนโลยีการเงินที่แข็งแกร่ง มีประสบการณ์ระดับโลก ยึดหลักการพัฒนาเทคโนโลยีของบริษัทเอง โดยเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลรายแรกของประเทศไทยที่ประมวลผลจากข้อมูลมหาศาลแบบรอบด้าน (Alternative Data) และสร้างระบบวิเคราะห์สินเชื่อสัญชาติไทยเพื่อคนไทยหรือ ACT Engine (Abacus Core Technology) ด้วยเทคโนโลยี Machine Learning เพื่อให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มลูกค้าตามศักยภาพที่หลากหลาย จึงช่วยลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาเงินกู้นอกระบบ และมอบโอกาสให้คนไทยมีเงินตั้งหลักเพื่อสานฝันของตัวเองให้สำเร็จ