PROEN คว้างานใหม่ 3 โครงการของ NT มูลค่า 105.16 ลบ."งานเปลี่ยนระบบสายเคเบิลอากาศเป็นใต้ดิน" รองรับมหานครแห่งอาเซียนหนุน Backlog เพิ่มขึ้นอีก ดันผลงานปี 65 โต 20%
บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) มือขึ้น! คว้างานใหม่ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT มูลค่า 105.16 ล้านบาท ลงนามสัญญาจ้างงานเปลี่ยนระบบสายเคเบิลอากาศเป็นสายเคเบิลใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน จำนวน 3 โครงการ ฟากซีอีโอ "กิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม" ระบุ การรับงานในครั้งนี้จะทำให้มูลค่า Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 815 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องช่วยผลักดันผลงานปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เดินหน้ารุกขยายธุรกิจมีมาร์จิ้นสูง
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) PROEN เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ลงนามในสัญญาจ้างงานเปลี่ยนระบบสายเคเบิลอากาศเป็นสายเคเบิลใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน จำนวน 3 สัญญา มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น105,163,599.66 บาท ซึ่งเป็นการลงนามร่วมกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT โดยรายละเอียดสัญญาประกอบด้วย
1.สัญญาจ้างงานเปลี่ยนระบบสายเคเบิลอากาศเป็นสายเคเบิลใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนในถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน (ฝั่งซ้ายถนนจอมทอง - ถนนอินทรพิทักษ์) 2.สัญญาจ้างงานเปลี่ยนระบบสายเคเบิลอากาศเป็นสายเคเบิลใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนในถนนรามคำแหง(ถนนเพชรบุรี - ถนนศรีนครินทร์) และ3.สัญญาจ้างงานเปลี่ยนระบบสายเคเบิลอากาศเป็นสายเคเบิลใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนในถนนเจริญราษฎร์ (ถนนพระราม 3 - ถนนสาทร) สำหรับโครงการดังกล่าวมีกำหนดงานแล้วเสร็จภายในวันที่ 24 กันยายน 2565
"การรับงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นบริษัทฯ ยังคงมีการทยอยรับงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และช่วยสนับสนุนให้มูลค่างานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 815 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะมีรายได้รองรับการเติบโตในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันยังคงมีแผนเดินหน้าเข้าประมูลงานในปีนี้อีกหลายโครงการทั้งโครงการที่เป็นกลุ่มเทคโนโลยีและงานโครงสร้างพื้นฐาน ตามการเปิดให้เข้าร่วมประมูลในโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐที่คาดว่าจะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายในทางที่ดีขึ้น จะเห็นได้จากการที่ภาครัฐและเอกชนเริ่มหันกลับมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น "
นายกิตติพันธ์ กล่าวต่อ ถึงภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ว่าบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตมากขึ้น และยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี ที่สร้างรายได้ประจำ หรือ Recurring Income โดยตั้งเป้าไว้เพื่อการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากฐานรายได้ปีก่อน และมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลายได้ ทั้งในส่วนของฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจ E-Commerce, Game Online ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ในกลุ่มธุรกิจบล็อกเชน (Blockchain)
ขณะเดียวกันบริษัทฯมีความแข็งแกร่งทางการเงิน และอยู่ระหว่างการเตรียความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะในธุรกิจด้านเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ ตลอดจนเข้าไปมีส่วนร่วมในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลที่กำลังมีแนวโน้มเติบโตสูง และกำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้นอีกด้วย