OTO อวดงบปี 64 กำไรโต 2 เท่าตัว พุ่งแตะ 55.7 ลบ.ปี 65 ทรานส์ฟอร์มสู่ Tech Company เต็มรูปแบบลุยเปิดตัวอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์ม ดันผลงานโตก้าวกระโดด

OTO อวดงบปี 64 กำไรโต 2 เท่าตัว พุ่งแตะ 55.7 ลบ.ปี 65 ทรานส์ฟอร์มสู่ Tech Company เต็มรูปแบบลุยเปิดตัวอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์ม ดันผลงานโตก้าวกระโดด

OTO โชว์ผลงานท็อปฟอร์ม โตแกร่งสวนกระแสโควิด! ปี 64 พลิกมีกำไรสุทธิ 55.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า214% เทียบปี 63 ขาดทุนสุทธิ 48.85 ล้านบาท ฟากผู้บริหาร "คณาวุฒิ วรรทนธีรัช" มั่นใจผลงานปี 65 โตก้าวกระโดด หลังปรับโมเดลธุรกิจทรานส์ฟอร์มสู่ Tech Company เต็มรูปแบบ แย้มเร็วๆนี้ ได้เห็นแน่1-2 แพลตฟอร์ม

นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จํากัด (มหาชน) หรือ OTO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ตามแผนงานที่วางไว้ หลังจากบริษัทฯได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา โดยในปี 2564 มีกำไรสุทธิ55.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  214% เทียบปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 48.85 ล้านบาท

"ที่ผ่านมา เราได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร มุ่งสู่ความเป็น Tech Company เพื่อต่อยอดธุรกิจ Call Center และ Contact Center ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว เพื่อสร้าง New S Curve ให้กับธุรกิจ เพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น”

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่อย่างน้อย 2 แพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ เบื้องต้นเร็วๆนี้ เตรียมเปิดตัว Platform E-Sport ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลกซึ่งจะมีแหล่งที่มาของรายได้ชัดเจนจาก Sponsorship ในการจัดแข่งขันต่างๆ

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัว Platform ทางการแพทย์ ต่อยอด Tele Medicine โดยให้คำปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ (Tele Pharmacy) เจาะกลุ่มเภสัชกรไม่ต้องการลงทุนเปิดร้านขายยาเอง ซึ่งบริษัทฯจะมีรายได้จากค่าบริการ ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ Call Center และ Contact Center ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ

ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OTO กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากบริษัทฯปรับโมเดลธุรกิจเข้าสู่ Tech Company เต็มรูปแบบ โดยแหล่งที่มาของรายได้จะมาจากทั้งธุรกิจเดิมคือ Call Center และ Contact Center ที่ในปีนี้คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น และจากการคลายล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาใช้บริการ และธุรกิจใหม่ที่เป็น New S Curve ผ่านการขยายการลงทุนแพลตฟอร์ม Blockchain Technology แพลตฟอร์ม E-sport และแพลตฟอร์ม Tele Medicine ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์ สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน

ข่าวเกี่ยวข้อง