LEO โต Q1/65 กำไรกระฉูด 233% ออลไทม์ไฮและเป็น New High อย่างต่อเนื่อง 5 ไตรมาสติดต่อกันลุยขยายบริการใหม่ร่วมกับ China Post จ่อปิดดีล M&A หนุนผลงานปีนี้ติดเทอร์โบ
บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ติดปีกบิน! เปิดกำไรไตรมาส1/65 เกือบ 90 ล้านบาท ที่ 89.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่1,651.6 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 249 % ผลจากปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าใน Q1/65 เพิ่มขึ้นคึกคักและการที่บริษัทฯ ขยายจำนวนลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง หนุนค่าระวางปรับตัวขึ้นแรง ฟากซีอีโอ "เกตติวิทย์สิทธิสุนทรวงศ์" ระบุเดินหน้าขยายบริการกับพันธมิตรรายใหม่ หนุนผลงานปีนี้โตแบบก้าวกระโดด
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส1/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 89.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 27.0 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,651.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 249 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 473.9 ล้านบาทและยังเป็น new high ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ไตรมาสติดต่อกัน โดยรายได้เติบโตขึ้น 32% และกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 17% จากไตรมาส 4/2564
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณและความต้องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2564 ซึ่งทำให้ค่าระวางในการขนส่งสินค้ายังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะการขนส่งไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป รวมทั้งบริษัทฯ มีการขยายจำนวนลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและบริษัทฯ มีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้สามารถบริหารอัตรากำไรขั้นต้นได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
"ในไตรมาส1/2565 บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดี สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากบริษัทฯ มีฐานลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2564 ถึง 30% จึงทำให้ยอดขายในไตรมาสที่ 1/2565 เติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/2564 อย่างมาก กอปรกับธุรกิจโลจิสติกส์ยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น เพราะความต้องการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศของผู้นำเข้าหรือส่งออกยังมีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังการคลี่คลายของสถานการณ์ COVID-19 "
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า ในปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตจากธุรกิจเดิม 20-25% ถ้ารวมธุรกิจใหม่จะเติบโตประมาณ 30-35% โดยได้เสริมความแข็งแกร่งการให้บริการอย่างครบวงจรด้วยการเปิดให้บริการ LEO Self-Storage#2 Chinatown บนถนนเจริญกรุง ซอย 31 โดยเปิดให้ห้องเก็บของรูปแบบใหม่ “LIFESTYLE STORAGE” แห่งแรกในเมืองไทย ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันโดยได้เปิดดำเนินการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม มีลูกค้าสนใจสอบถามและเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังเพิ่มบริการลานรับฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่สองของ YJCD นั้นตั้งอยู่ถนนบางนา กม. 21 โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงพื้นที่ และจะพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนงาน ที่จะทำการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ ASEAN โดยสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านแผนการทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) นอกเหนือจากบริษัท เวิร์ลแอร์ โลจิสติกส์ จำกัด และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับบริษัทตามแผนงาน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจโดยการร่วมมือกับพันธมิตร "China Post" โดยมีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบิน China Post Airline ที่บินระหว่างกรุงเทพ- คุนหมิง เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันและส่งเสริมการเพิ่มยอดการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีนให้มากขึ้น รวมถึงโครงการขนส่งสินค้าโดยรถไฟจากประเทศจีนมายังสปป.ลาว ซึ่งได้เริ่มทดลองให้บริการแล้ว ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบระบบเรื่องของพิธีการกรมศุลกากรและการนำสินค้าเข้าสู่ประเทศไทยโดยทางรถบรรทุก หากทาง China Post และ LEO สามารถทดสอบและพัฒนาระบบจนสมบูรณ์แล้ว คาดว่าจะสามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟไปประเทศจีนได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000-1,200 ตู้ สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ไม่ต่ำกว่าปีละ 120-150 ล้าน และมีจำนวนตู้คอนเทนเนอร์และระวางการขนส่งไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยว่า 25-30% ช่วยยกระดับเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีเสถียรภาพและยั่งยืน ซึ่งความสำเร็จจากโครงการทั้งหมดนี้ สามารถตอกย้ำว่า LEO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ อย่างครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างแท้จริง