KBank Private Banking เผยกลยุทธ์ฝ่ามรสุมตลาดทุนปี 2567ชู ‘สินทรัพย์นอกตลาด’ ปลดล็อกทางเลือกลงทุน พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว
KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2567 ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อเนื่อง ตลาดลงทุนยังอยู่กับความผันผวน ในขณะเดียวกันสินทรัพย์การลงทุนดั้งเดิมไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่นักลงทุนคาดหวัง จึงเปิดกลยุทธ์สำคัญผ่านการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดที่ช่วยกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวน สร้างเสถียรภาพ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน และโอกาสการลงทุนในธุรกิจชั้นนำแห่งอนาคต จากสถิติผลตอบแทนย้อนหลัง 3-10 ปีพบว่าหุ้นนอกตลาด (Private Equity)ให้ผลตอบแทนเหนือกว่าหุ้นในตลาด (Public Market) ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา KBank Private Banking ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สินทรัพย์นอกตลาดไปแล้ว 10 กองทุน จากการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก และในปีนี้ได้วาง 3 กลยุทธ์หลักสำหรับพอร์ตสินทรัพย์นอกตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าสินทรัพย์สูงของธนาคาร
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทยกล่าวว่า “ภาพรวมตลาดการลงทุนทั่วโลกในปี 2567 ยังคงผันผวน จากความไม่แน่นอนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก การเลือกตั้งในหลายประเทศทั่วโลก เช่น รัสเซีย อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ต่างๆ ไปจนถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในฝั่งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้น เห็นได้จากในปี 2566 ที่ผ่านมา ผลตอบแทนในเกือบทุกสินทรัพย์หลักลดลงแรง เช่น ดัชนี MSCI World ที่ปรับตัวลดลงกว่า 20% แม้หลายฝ่ายมองแนวโน้มว่าตลาดทุนมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ แต่ KBank Private Banking มองว่าความผันผวนยังคงอยู่จากปัจจัยความเสี่ยงที่กล่าวข้างต้น ดังนั้นในฐานะผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่งและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมองว่านักลงทุนจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การลงทุน เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนโดยรวม สร้างเสถียรภาพและเพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ต เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน และโอกาสลงทุนในบริษัทที่อาจพลิกโฉมธุรกิจและเป็น เมกะเทรนด์ในอนาคต ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด”
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา KBank Private Banking ได้พัฒนาและนำเสนอโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้และระยะเวลาการลงทุนเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด โดยได้นำเสนอไปแล้ว 10 กองทุน ประกอบด้วย 6 กองทุนหุ้นนอกตลาด (Private Equity Fund) ทั่วโลก จีน และไทย 3 กองทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate Fund) ทั่วโลก และไทย และ 1 กองทุนหนี้นอกตลาด (Private Credit Fund) ซึ่งผลการดำเนินงานของกองทุนที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น กองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (K-GPE19A-UI) ให้ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 58.67%[1] ในขณะที่ กองทุนหุ้นนอกตลาดไทย (LH-THAIPE1UI) ที่ลงทุนกับนารา ไทย คูซีน (NARA Thai Cuisine) เครือร้านอาหารไทยชั้นนำก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้ถึงกว่า 20% [2](ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน) ซึ่งเมื่อเทียบกับเครือร้านอาหารไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่ขาดทุนกว่า 25% [3] ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ จากสถิติ ย้อนหลัง 10 ปี 5 ปี และ 3 ปี พบว่าการลงทุนในหุ้นนอกตลาดสามารถให้ผลตอบแทนมากกว่าหุ้นในตลาดได้ถึง +5% +7% และ +9% ตามลำดับ[4]
ในปี 2567 KBank Private Banking วางแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอ 3 กลยุทธ์สำคัญในการบริหารจัดการพอร์ตลงทุนในส่วนที่เป็นสินทรัพย์นอกตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนให้ดีขึ้น มีตัวเลือกดีขึ้น และยังช่วยลดข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่องจากการลงทุนในกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดแบบดั้งเดิม ได้แก่
กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ที่จะจัดแบ่งส่วนหลักและส่วนเสริมเพื่อกระจายความเสี่ยง และลดความผันผวนผ่านการลงทุนระยะยาว ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากการจับจังหวะลงทุนตามธีมและเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตขึ้น โดยสัดส่วนหลักหรือ Core จะคิดเป็น 60-80%ของพอร์ตสินทรัพย์นอกตลาดจะเป็นกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดกึ่งสภาพคล่อง ที่ลงทุนเพิ่มได้ทุกเดือน ขายหน่วยลงทุนได้เป็นรายไตรมาส และมีล็อกเงินลงทุนเพียง 12-18 เดือน ซึ่งการได้พาร์ทเนอร์กับผู้จัดการกองทุนระดับโลก อย่าง EQT และ Apollo[5]เป็นอีกพัฒนาการสำคัญที่เราได้นำเสนอให้กับลูกค้าส่วนบุคคลลงทุนได้ และผลิตภัณฑ์อย่างกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดกึ่งสภาพคล่องก็ถือเป็นวิวัฒนาการสำคัญที่ช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่สัดส่วนเสริมหรือ Satellite คิดเป็น 20-40% ของพอร์ตสินทรัพย์นอกตลาด จะเป็นกองทุนหุ้นนอกตลาดตามธีมต่างๆ เช่น หุ้นนอกตลาดทั่วโลก หุ้นนอกตลาดจีน หุ้นนอกตลาดไทย หุ้นเทคนอกตลาด หุ้นอสังหาฯ นอกตลาดทั่วโลก หุ้นอสังหานอกตลาดไทย รวมถึงหนี้นอกตลาด เป็นต้น
- ออกแบบพอร์ตการลงทุนที่สร้างให้เฉพาะคุณ (Tailor-made Portfolio Management) โดยสามารถบริหารสัดส่วนพอร์ตลงทุนตามเป้าหมายของแต่ละบุคคลได้อย่างยืดหยุ่น เช่น เมื่อนักลงทุนต้องการสภาพคล่องสูง สามารถเลือกลงทุนในกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดกึ่งสภาพคล่องได้ทั้ง 100%
- การเดินหน้าผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับโลกที่ดีที่สุดอย่างไม่หยุดยั้ง (Partner with the Best) เพื่อพัฒนาการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการมาตรฐานระดับโลกให้แก่นักลงทุนไทย ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัทบริหารสินทรัพย์นอกตลาด ชั้นนำอย่างEQT ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สามารถระดมทุนการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด ได้มากเป็นอันดับ 3 ของโลก จากยอดระดมทุนมูลค่าหนึ่งแสนสองพันล้านเหรียญสหรัฐฯ[6] ในขณะที่ Apollo ที่เป็นบริษัทชั้นนำด้านการจัดการสินทรัพย์ทางเลือกที่มียอดการปล่อยสินเชื่อนอกตลาดเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งมีมูลค่ารวมสี่แสนหกหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ[7]นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะร่วมมือกับ Goldman Sachsเพื่อร่วมสร้าง Ecosystem การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
“ท่ามกลางความผันผวนสูงที่เกิดขึ้นในตลาดทุนทั่วโลก ทำให้โอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก อย่าง สินทรัพย์นอกตลาดน่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าจะกองทุนหุ้นนอกตลาด กองทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด และกองทุนอื่นๆ KBank Private Banking ได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการคัดสรรบริษัทที่มีศักยภาพ และธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุน และช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดพอร์ตการลงทุนที่เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ในทุกภาวะเศรษฐกิจ” ดร.ตรีพล กล่าวปิดท้าย