KBank Private Banking เผยความสำเร็จโซลูชันบริหารความมั่งคั่งครบวงจร  นำเสนอการลงทุนทางเลือกหลากหลายท่ามกลางความผันผวน  ชูบริการบริหารสินทรัพย์ครอบครัวพร้อมรักษา-ส่งต่ออย่างยั่งยืน 

KBank Private Banking เผยความสำเร็จโซลูชันบริหารความมั่งคั่งครบวงจร  นำเสนอการลงทุนทางเลือกหลากหลายท่ามกลางความผันผวน  ชูบริการบริหารสินทรัพย์ครอบครัวพร้อมรักษา-ส่งต่ออย่างยั่งยืน 

KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) มอบบริการที่ครอบคลุมทุกมิติของการบริหารความมั่งคั่ง และโซลูชันการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของการบริหารพอร์ตการลงทุนและสินทรัพย์องค์รวมของลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงในปี 2565 เผยพอร์ต K-ALPHA ยังคงรักษาระดับผลตอบแทนได้ดีกว่าดัชนีตัวชี้วัด ด้านสินทรัพย์นอกตลาดได้รับความสนใจต่อเนื่อง โดยกองทุนเปิดตัวใหม่ปีนี้ระดมทุนได้รวมกว่า 5 พันล้านบาท* พร้อมประกาศเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมการลงทุนทางเลือกในปี 2566 ตั้งรับเศรษฐกิจโลกถดถอย และเดินหน้าบริการที่ปรึกษาบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว เสริมความแกร่งโซลูชัน 4 เสาหลัก เพื่อสร้างการเติบโต เก็บรักษา และส่งต่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน 

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “บริบทการลงทุนในปี 2565 มีความท้าทายเป็นอย่างสูง จากราคาที่ปรับตัวลงแรงในแทบทุกสินทรัพย์หลัก นับเป็นเพียง 3 ปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ปรับตัวลดลงพร้อมๆ กัน  โดยผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกและพันธบัตรรัฐบาลโลกนับจากต้นปีปรับตัวลดลงถึง-17.9% และ -16.8% ตามลำดับ** อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากสัญญาณบวกหลายปัจจัย  ทั้งผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแอลงและมีแนวโน้มจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ลดความเร็วการขึ้นอัตราดอกเบี้ย” 

“ตลอดปีที่ผ่านมา KBank Private Banking ในฐานะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ให้ความสำคัญกับการสร้างพอร์ตที่มีความคล่องตัวสูง รองรับสถานการณ์ที่ผันผวน กระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก และยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืน โดยพอร์ตลงทุนที่แนะนำลูกค้าอย่าง K-ALPHA มีการจัดการความเสี่ยง และกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่สินทรัพย์สภาพคล่อง กองทุนผสมในฐานะพอร์ตหลัก (Core Port)  กองทุนรวมหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลก ตลอดจนสินทรัพย์นอกตลาดอย่างกองทุนหุ้นนอกตลาด ยังคงสามารถรักษาระดับผลตอบแทนอยู่ระหว่าง - 3.8 และ-5.5% นับจากต้นปี ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุด อยู่ระหว่าง  -5.7% และ -8.3% หากเทียบกับการกระจายการลงทุนแบบดั้งเดิม (หุ้น 60: ตราสารหนี้ 40) ให้ผลตอบแทนที่ -14.8% ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดที่ -23.8% หรือหากเทียบกับการลงทุนในหุ้น หรือตราสารหนี้อย่างเดียวให้ผลตอบแทนที่ -15.0% และ -14.4% ในขณะที่ผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดที่ -26.1% และ -21.9%*** ตามลำดับ” 

ความสำเร็จที่โดดเด่นในปี 2565 ผ่าน 4 เสาหลักของโซลูชันการบริหารความมั่งคั่งครบวงจร ของKBank Private Banking ประกอบด้วย 

  • กองทุน K-ALLROAD Series นวัตกรรมการลงทุนขับเคลื่อนอัตโนมัติ บนหลักการ Risk-based Asset Allocation ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า จากจุดเด่นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่นตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป ทำให้กองทุนมีสมดุลด้านความเสี่ยง โดยทั้ง 3 กองทุนในซีรีส์นี้สามารถระดุมเงินลงทุนจากลูกค้าไปได้กว่า 5.4 พันล้านบาท****  
  • การนำเสนอนวัตกรรมการลงทุนทางเลือก เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะผันผวน โดย KBank Private Banking มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และสำหรับ 3 กองทุนที่เสนอขายครั้งแรกในปีนี้ ได้แก่ กองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (K-GPE22B-UI) กองทุนตราสารหนี้และหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (K-GPA22A-UI) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยนอกตลาด(ASP-APR-UI (KEX)) โดยทั้ง 3 กองทุนสามารถระดมเงินลงทุนรวมสูงถึง 5 พันล้านบาท* 
  • การลงทุนเพื่อความยั่งยืน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้าง “ทางรอด” ให้กับโลกและการเติบโตที่มั่นคงให้กับทั้งธุรกิจและการลงทุนในระยะยาว ซึ่งกองทุนหลักที่ธนาคารแนะนำอย่างกองทุนเปลี่ยนโลก                (K-CHANGE) ยังคงมีผลตอบแทนที่ดี โดยกองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนได้สูงถึง 197% หรือเฉลี่ย 20.07% ต่อปี* 
  • บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องปัจจุบันให้บริการลูกค้า 790 ครอบครัว หรือราว 36% ของลูกค้าทั้งหมด และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การดูแลครอบคลุมทรัพย์สินครอบครัวทั้งธุรกิจและที่ดินประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ในขณะที่บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการที่ปรึกษาครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 3.2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ Land Loan for Investment เพื่อแปลงทรัพย์สินที่ดินมาเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.8 พันล้านบาท 

“การดำเนินธุรกิจ KBank Private Banking ในปี 2565 ให้บริการลูกค้าประมาณ 13,000 ราย สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดประมาณ 9 แสนล้านบาท และจากการส่งมอบโซลูชันบริหารความมั่งคั่งที่ครบวงจร ทำให้ธนาคารได้รับ 11 รางวัล จาก 10 สถาบันระดับสากลทั่วโลกการันตีและตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล อาทิ รางวัล Best Private Bank ของประเทศไทยจากหลายสถาบันระดับโลก เช่น  เวที The Asset Triple A Private Capital Awards เวที PWM/The Banker Global Private Banking Awards และเวที Global Private Banking Innovation รวมถึง รางวัลด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน Best Bank for Sustainability and ESG leadership จากเวที Private Banker International Global Wealth Awards ด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันให้นักลงทุน สังคม และประเทศก้าวไปสู่การลงทุนอย่างยั่งยืน พร้อมกับนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารตลอดหลายปีที่ผ่านมา และรางวัลด้านดิจิทัล เช่น Best Private Banking for Digital Marketing & Communication in Asia จาก PWM Wealth Tech Awards และ Digital Private Banking of the Year – Thailand จาก The Asset Triple A: Digital Awards  จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบการทำงาน สนับสนุนการให้บริการลูกค้า รวมถึงใช้เป็นช่องทางสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ” 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2566 ที่ KBank Private Banking แนะนำจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ การแตะจุดสูงสุดของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ดังนี้ 

“ก่อน” บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ แตะจุดสูงสุด 

  1. ลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น 
  2. เน้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง เช่น หุ้นบริษัทที่ความสามารถในการแข่งขัน และกำหนดราคา ทำให้สามารถเป็นผู้ชนะในภาวะเงินเฟ้อสูงได้ 
  3. กระจายความเสี่ยงผ่านสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุน Hedge Fund 
  4. กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์นอกตลาดที่มีความผันผวนด้านราคาในระยะสั้นต่ำ 

  “หลัง” บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ แตะจุดสูงสุด 

  1. ลงทุนบางส่วนในทองคำ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ จะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นอ่อนค่าลง 
  2. หุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูง (High Yield) จะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง 
  3. ทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น หากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเพื่อต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยชัดเจนขึ้น 

“ในปี 2566 ธนาคารจะยังคงให้ความสำคัญกับการเสริมความแข็งแกร่งของโซลูชันใน 4 เสาหลัก ซึ่งประกอบไปด้วย การลงทุนบนหลักการ Risked-based Asset Allocation การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกการลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งขึ้นในการสร้างการเติบโต เก็บรักษา และส่งต่อความมั่งคั่งของลูกค้าต่อไปในอนาคต” นายจิรวัฒน์ กล่าวสรุป 

ข่าวเกี่ยวข้อง