HLท็อปฟอร์ม โชว์ 9 เดือน กำไรแตะ 84.21 ลบ. พุ่ง 46.37%ยอดขายจากแต่ละสาขาคึกคัก มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 20%ลุยเปิดร้านขายยาตามแผน หนุนสิ้นปีมีสาขารวม 36 สาขา

HLท็อปฟอร์ม โชว์ 9 เดือน กำไรแตะ 84.21 ลบ. พุ่ง 46.37%ยอดขายจากแต่ละสาขาคึกคัก มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 20%ลุยเปิดร้านขายยาตามแผน หนุนสิ้นปีมีสาขารวม 36 สาขา

บมจ. เฮลท์ลีด (HL) ธุรกิจร้านขายยาค้าปลีก ในรูปแบบ Chain Drug Store ภายใต้แบรนด์ร้านขายยาiCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug โชว์ 9 เดือนปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2565) กำไรสุทธิแตะ84.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.37% จากงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากรายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากสาขาเดิมและใหม่หลังผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ฟากซีอีโอ “ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล” มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าเติบโตมากกว่า 20% เดินหน้าเปิดร้านขายยาตามแผน ส่งผลให้ภายในสิ้นปีมีสาขารวมทั้งสิ้น 36 สาขา

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) HL ธุรกิจร้านขายยาค้าปลีก ในรูปแบบ Chain Drug Store ภายใต้แบรนด์ร้านขายยา iCare, Pharmax, vitaminclub และSuper Drug เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ก.ย. 2565 ) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 84.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 57.53 ล้านบาท  ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,142.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.22% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 912.74 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2565 มีรายได้รวม 402.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 355.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  31.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น23.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.24 ล้านบาท

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในไตรมาส 3 ปี 2565 ได้แก่ กลุ่มสินค้าสุขภาพสำหรับภายนอกร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ช่วยดูแลสุขภาพอนามัยและป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อโรคมีอัตราเติบโต 30.73% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากถึงแม้ว่าภาครัฐจะผ่อนคลายมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ในด้านการตรวจหาเชื้อพร้อมกับสนับสนุนให้ผู้คนออกมาดำเนินชีวิตตามปกติมากขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอนามัยและป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ อันดับที่สองที่เติบโตสูงสุดได้แก่ กลุ่มสินค้าบริโภค มีอัตราเติบโต 21.66% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นไปในทิศทางเดียวกับการที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบในปี2565 โดยประชากรผู้สูงอายุในปี 2565 มีจำนวน 12 ล้านคน คิดเป็น 18.3% ของประชากรทั้งหมด

"ผลประกอบการของบริษัทฯ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเภทสินค้าอุปกรณ์การแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพ สนับสนุนยอดขายทั้งจากสาขาเดิมและสาขาใหม่เติบโตได้ดี  ขณะที่บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ภก.ธัชพล กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า บริษัทฯมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตมากกว่า 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,216 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้  โดยรายได้ในช่วง  9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่1,142.91 ล้านบาท คิดเป็นเติบโต 25.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส4/2565 น่าจะดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 2 สาขาในพื้นที่เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล  ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้บริษัทฯมีร้านขายยารวมทั้งสิ้น 36  สาขา จากปัจจุบันมีอยู่34 สาขา

ข่าวเกี่ยวข้อง