HL ปักหมุดรายได้ปี 67 เติบโตเกิน 10%ลุยขยายสาขาเพิ่มเป็น 70 แห่ง - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ดันกำไรขั้นแตะ 23%ส่งซิก Q1/67 ผลงานสดใสรับอานิสงส์ Easy E-Receipt
บมจ. เฮลท์ลีด (HL) ตั้งเป้ารายได้ปี 2567 เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากแผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 70 แห่งควบคู่กับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เน้นนวัตกรรมขั้นสูง เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับ 23% ฟากซีอีโอ “ธัชพล ชลวัฒนสกุล” ส่งซิกผลงานโค้งแรกปีนี้สดใส รับอานิสงส์จากมาตรการ Easy E-Receipt
นายธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL เปิดเผยว่า ในปี 2567 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม จำนวน 1,659.31 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 74.67 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการเติบโตจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG : Same Store Sales Growth) และยอดขายจากสาขาใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 20 สาขาในปีนี้ ภายใต้แบรนด์ ร้านขายยา iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug ส่งผลให้ปี 2567 บริษัทฯ จะมีสาขารวม 70 สาขาทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ในปี 2567 กลุ่มบริษัทวางแผนเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 23% จากปัจจุบัน ด้วยการปรับรูปแบบการขายสินค้าให้รัดกุม รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมขั้นสูงกว่า 10 รายการ ปัจจุบันเริ่มวางตลาดแล้ว เช่น สเปรย์สลายกลิ่นอเนกประสงค์ รวมทั้งนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเพิ่มสินค้าสุขภาพสำหรับภายนอกร่างกายเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น เป็นต้น
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีทิศทางสดใส เนื่องจากได้รับผลดีจากมาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งประชาชนสามารถซื้อสินค้า และบริการเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีปี 2567 ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 กับร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice ได้เท่านั้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสนับสนุนให้ผลดำเนินงานกลุ่มบริษัท HL เติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2566 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566) กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 1,659.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.87% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,538.21 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย จำนวน 1,635.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.64% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 74.67 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น สำหรับงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 14 มีนาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ภายในวันที่ 12 เมษายน 2567