FWD The Futurist โปรเจ็กต์เฟ้นหาไอเดียของ Young Genเพื่อร่วมเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากการเติบโตของนวัตกรรม และเทคโนโลยี ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และพัฒนาผล
ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากการเติบโตของนวัตกรรม และเทคโนโลยี ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการให้มีประสิทธิภาพเข้าถึงความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่ง “ประกัน” เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสร้างความแตกต่าง และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อส่งมอบการบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้านอกจากนี้ ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องมีการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับความสำคัญและรายละเอียดของการทำประกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ดังนั้น การเฟ้นหาความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ จากกลุ่มคน Young Gen จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยทำให้ “ประกัน” เป็นเรื่องที่เข้าใจ และ เข้าถึงง่าย ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี
บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดกิจกรรม FWD The Futurist การแข่งขันด้านนวัตกรรมที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยหรือเพิ่งเริ่มต้นทำงาน ได้เข้าแข่งขันแสดงไอเดียทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่าง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ FWD ประกันชีวิตในการเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต เพื่อก้าวไปสู่อีกระดับของนวัตกรรมประกันไปด้วยกัน
“FWD The Futurist 2023 เป็นโครงการที่เราเปิดกว้างและเปิดโอกาสให้ Young Gen ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีใจรักและสนใจในเทคโนโลยี โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเรียนจบมาจากสายงานด้านเทคโนโลยีโดยตรง เราพร้อมที่จะสนับสนุนให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพ เพื่อต่อยอดไอเดียให้เป็นจริง เพราะเราเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากอินไซต์ของคนรุ่นใหม่ ร่วมกับการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital by designed) ของ FWD ประกันชีวิต จะเป็นพลังสำคัญที่ผลักดันให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้ง่าย สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน ” เดวิด โครูนิชประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าว
FWD The Futurist 2023 เปิดรับผู้เข้าแข่งขัน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 2, 3 และ 4 จากทุกคณะ ทุกมหาวิทยาลัย รวมถึงผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท และกลุ่มผู้จบการศึกษาและกำลังทำงานไม่เกิน 2 ปี โดยจะรับสมัครเป็นกลุ่มๆ ละ 3-5 คน เพื่อคัดเลือก 10 ทีม ที่จะผ่านเข้าไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อนำเสนอผลงานแก่ผู้บริหารและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นอกจากนี้ ยังได้รับโอกาสเป็นตัวแทนจาก FWD ประกันชีวิต ประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขันนำเสนอนวัตกรรมสร้างสรรค์กับโครงการ FWD Springboard X Student Challenge 2023 ที่จะจัดขึ้นในระดับภูมิภาคเอเชีย เพื่อชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากทีมงานในระดับภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งโอกาสเข้าร่วมงานกับ FWD ประกันชีวิต
เสียง - บัญญัติ กรไพศาล นิสิตชั้นปีที่ 3 BBA จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวแทนทีมชนะเลิศ จากทีมBaiyoke Sky ได้พูดถึงไอเดียการทำโปรเจ็กต์การแข่งขันครั้งนี้ว่า “หลักสำคัญของการทำโปรเจ็กต์นี้คือ การคิด customer journey ใหม่ ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Young Gen สร้างการรับรู้และดึงให้คนกลุ่มนี้มี engagement ให้มากขึ้น เราจึงพัฒนาแบบทดสอบที่วัดความเป็นตัวบุคคล และนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผล เพื่อช่วยแนะนำโปรดักท์ประกันชีวิตที่เหมาะกับคนๆนั้น นอกจากนี้แล้ว เรายังนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดร่วมกับ Omne by FWD Application เป็น FWD Buddy สร้างเป็นคอมมูนิตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เชื่อมโยงคนที่คิดเหมือนกันมารวมกันเป็น networking ต่อไป ถึงแม้ว่าเรามีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาแต่เราก็รู้สึกสนุกตั้งแต่วันปฐมนิเทศโดยเฉพาะช่วง mentoring session ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก พี่ๆจากFWD ประกันชีวิตทุกคนพร้อมที่จะให้คำปรึกษา และช่วยพวกเราอย่างเต็มที่ พวกเราจึงใช้ความพยายามและความตั้งใจเต็มร้อยในการแข่งขันครั้งนี้ ในขณะที่ทีมอื่นๆ ก็มีไอเดียและมุมมองที่น่าสนใจไม่แพ้กัน”
เอิร์ธ – ณัฐวัตร ธุวังควัฒน์ นักศึกษาจากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ตัวแทนทีม C.A.T. กล่าวว่า “ผมรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นเพื่อนๆ หลายกลุ่มได้นำเสนอไอเดียบางอย่างที่ผมก็คิดไม่ถึงว่ามันจะมีอยู่จริง หรือมีบางอย่างที่เป็นข้อมูลใหม่ที่ผมยังไม่เคยรู้ นอกจากนี้ ยังทำให้ผมได้รู้จักคนมากขึ้น ได้รู้จักพี่ๆFWD ประกันชีวิต ที่ให้ความเป็นกันเองและเต็มที่กับพวกผมมากๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกผมจะเคยผิดหวังจากการแข่งขันรายการอื่น แต่พวกผมก็ยังสู้ เพราะผมคิดว่าคนเรามันพลาดได้ล้มได้แต่ก็ต้องเดินต่อไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจ และวันนี้พวกผมก็ทำสำเร็จได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 กับ การนำเสนอในรูปแบบวิดีโอที่เราสามารถเลือกช้อยส์ในการเดินทางได้ เลือกจุดจบของเนื้อเรื่องได้เอง โดยมีตัวเราเป็นผู้สวมบทบาทในเนื้อเรื่องที่เราเป็นคนกำหนดว่าเราจะทำแอ็คชั่นอะไรต่อไป ซึ่งแอ็คชั่นนั้นๆ ก็จะส่งผลต่อตัวเราเองในอนาคต ผ่านแพลตฟอร์มที่นำเสนอได้ง่ายที่สุดคือ YouTube ซึ่งตัว YouTube มีฟังก์ชั่นที่พร้อมใช้ ซึ่งปกติจะถูกใช้เพื่อให้เลือกชมวิดีโอตัวต่อไป เราต่อยอดโดยปรับการใช้งานของ function นี้เป็นว่า คุณจะเลือกทำอะไรต่อ เพื่อดำเนินเนื้อเรื่องต่อไป ถือเป็นการเพิ่มความอยากรู้ของคนว่าต่อไปเหตุการณ์ในชีวิตจากการตัดสินใจจะส่งผลเป็นอย่างไร”
ปีย์ - วิชยุตม์ สังข์ขาว ตัวแทนจากทีม Tell You Later นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 กล่าวถึงการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ว่า “ผมได้รู้จักโครงการฯนี้มาจากรุ่นพี่ที่เคยมาแข่งขันในโครงการฯ ของ FWD ประกันชีวิต ทำให้อยากลอง เพื่อจะได้เป็นพอร์ตโฟลิโอเก็บไว้ เมื่อได้เข้ามาผมรู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ และได้รับประสบการณ์ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเมนเทอร์ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก แม้ว่าพวกเราจะมีความรู้สึกท้อบ้างบางครั้งแต่พวกเราก็ไม่หยุดที่จะสู้ เพราะเราเชื่อมั่นว่าพวกเราทำได้และพร้อมที่จะทำให้ดีที่สุด โดยทีมเรามีกันทั้งหมด 4 คน ทำเกี่ยวกับการนำ AI Chatbot มาช่วยตรวจสอบการเคลมองลูกค้า โดยการจำลองเหตุการณ์ว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ หรือเคสแบบนี้ แล้วเกิดความกังวลว่ากรมธรรม์ที่ถืออยู่จะครอบคลุมหรือไม่ เพื่อให้ AI ประมวลผลและตรวจสอบ ว่ากรมธรรม์ที่ถืออยู่ครอบคลุมหรือไม่ สามารถเคลมได้เท่าไหร่ นับเป็นเรื่อง Post-Claim ที่เราทำ ส่วน Pre-Claim จะอยู่ในส่วนของงานขาย เป็นการเอา data ของลูกค้ามาผนวกกับ AI จากนั้น AI จะประมวลผลสรุปและแนะนำโปรดักท์ที่แมทช์กับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ หรือว่าจะเป็น Post-Claim ที่เหมาะกับลูกค้าคนนั้นๆ”
การเปิดพื้นที่ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ปล่อยไอเดียแสดงความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และค้นหาโซลูชันเพื่อร่วมกันเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิตกับ FWD ประกันชีวิต ผ่านการใช้ข้อมูลนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้ทุกคนเปิดใจ และเห็นความสำคัญของการทำประกันชีวิต ถือเป็นมิติใหม่ของการสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่อาจสามารถพลิกโฉมวงการประกันชีวิตในอนาคตก็เป็นได้