ECF กางแผนปี 2566 ตั้งเป้ารายได้โต 12-15% มุ่งขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มไลน์สินค้าตกแต่งบ้าน
ECF เผยแผนธุรกิจปี 66 ตั้งเป้ารายได้โต 12-15% ชูกลยุทธ์ดันมาร์จิ้นเพิ่ม มุ่งเน้นขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ แตกไลน์สินค้าตกแต่งบ้าน ปั๊มรายได้ ต่อยอดการเติบโต ทุ่มงบลงทุนธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มินบู เฟส 2 (50 MW) คาด COD ไตรมาสที่ 4ปีนี้
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์จากไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด ไม้เอ็มดีเอฟแบบประกอบด้วยตนเอง และไม้ยางพารา เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นผู้ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจเพาะปลูกและจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร เปิดเผยภาพรวมธุรกิจปีนี้ ว่า บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโต พร้อมเพิ่มความสามารถการทำกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจพลังงาน โดยตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า12-15 % และตั้งงบลงทุนสำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเพิ่มเครื่องจักรและปรับปรุงไลน์การผลิต รองรับปริมาณคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการขยายตลาดของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่าจะเริ่มเห็นสัดส่วนกำไรสุทธิค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้รายได้เพิ่ม และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีสัญญาณการเติบโตดีอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศ หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคการให้บริการ ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลดีต่อความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจและความท้าทายใหม่ของบริษัท ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ เพิ่มไลน์สินค้าตกแต่งบ้านให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร อีกทั้งปริมาณคำสั่งซื้อลูกค้าต่างประเทศทยอยสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยตลาดต่างประเทศ ยังสามารถเติบโตได้โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อทั้งต่างประเทศและในประเทศที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร เฟส 2 (50 MW) ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดต่อไป