EA ติดปีก! เซ็น MOU จ.หนองบัวลำภู โครงการ “Energy Storage Hub for All” บริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบครบวงจร

EA ติดปีก! เซ็น MOU จ.หนองบัวลำภู โครงการ “Energy Storage Hub for All” บริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบครบวงจร

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ติดปีก! เซ็นเอ็มโอยูกับ จ.หนองบัวลำภู ในโครงการ Energy Storage Hub for All บริหารจัดการพลังงานสะอาดลดต้นทุนพลังงานแบบครบวงจร หนุนนโยบายรัฐผลักดันไทยมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero GHG Emissions) ใช้หลักความยั่งยืนยกระดับให้จังหวัดหนองบัวลำภูในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคมในการรณรงค์และขยายผลได้ต่อไป

นาวาโท ปริญญา รักวาทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเอ ฟูทูร่า จำกัด บริษัทในกลุ่ม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับจังหวัดหนองบัวลำภู ในโครงการEnergy Storage Hub for All โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1.เพื่อเป็นโครงการต้นแบบในการนำพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มาใช้ร่วมกับการกับเก็บพลังงานไฟฟ้าในรูปแบตเตอรี่2.เพื่อทดแทนการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล รวมทั้ง เพื่อสำรองพลังงานไฟฟ้าภายในจังหวัดหนองบัวลำภู ให้สามารถใช้งานได้ตลอด 24ชั่วโมง ช่วยลดภาระต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าให้แก่จังหวัดหนองบัวลำภู และ    3.เพื่อนำพลังงานสะอาดมาใช้ลดภาระด้านพลังงานของทางราชการ ด้วยวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อเป็นโครงการนำร่องและขยายผลไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของจังหวัดหนองบัวลำภู อีกทั้งบริษัทฯ จะช่วยสนับสนุนการให้ข้อมูลและประชาสัมพันธ์ให้เกิดความสนใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ในด้านการใช้งาน การคำนวนผลประหยัดเชื้อเพลิง รวมไปถึงประโยชน์ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งต่อหน่วยงานและภาคสังคมของจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี นายภิญโญ ศรีตุลานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รอยัลกรีน เอ็นเนอร์จี จำกัด ผู้พัฒนาโครงการฯ เข้าร่วมด้วย

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาด้านพลังงานสะอาดทั้งด้านพลังงานหมุนเวียน พลังงานทดแทนจาก Biofuel แบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ได้รับเกียรติจากจังหวัดหนองบัวลำภู ในการร่วมกันศึกษาและพัฒนาระบบการบริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบบูรณาการที่เหมาะสม ตามแนวทางการดำเนินงาน Zero Emission และคำประกาศของรัฐบาลไทยที่ระบุว่า “ประเทศไทยจะมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  ซึ่งเป็นการยกระดับให้ภาคการเกษตรภายใต้จังหวัดหนองบัวลำภูในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมโดยใช้หลักการความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ   รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สังคมในการรณรงค์และขยายผลได้

นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า “จังหวัดหนองบัวลำภูได้กำหนดยุทธศาสตร์ ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ 5 ปี ของจังหวัดหนองบัวลำภูประเด็นเรื่องเกี่ยวกับนวัตกรรม โดยการนํานวัตกรรมมาสร้างรายได้ให้กับคนในจังหวัดหนองบัวลำภู ทั้งนี้ การใช้พลังงานทางเลือกเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนา 5 ปีของจังหวัด ซึ่งกำหนดในเรื่องเกษตรเพิ่มมูลค่าเมืองผ้า น่าอยู่ น่าเที่ยว โดยเรื่องพลังงานเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากจะเป็นตัวสร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างมาก  ในอนาคต การสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู จะทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประชาชนจังหวัดหนองบัวลำภู สอดคล้องให้ประชาชนในจังหวัดมีรายได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้จังหวัดหนองบัวลำภู และ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ร่วมกันพัฒนาและบริหารจัดการโครงการฯ โดยจะใช้ทรัพยากร และ/หรือองค์ความรู รวมถึงเครือข่ายของทั้งสองฝ่ายที่มีอยู่เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน และมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้นสำหรับทั้งสองฝ่าย โดยสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลมุ่งเน้น  เป็นโครงการต้นแบบ ในการนำพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มาใช้ร่วมกับการกักเก็บพลังงานไฟฟ้า                ในแบตเตอรี่ เพื่อสำรองพลังงานไฟฟ้า และลดภาระต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าภายในจังหวัด เป็นโครงการ   นำร่องและขยายผล ไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของจังหวัดหนองบัวลำภูต่อไป” นายสุวิทย์กล่าวปิดท้าย

ในเบื้องต้นระบบบริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบบูรณาการ จะหมายรวมถึงระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic Cell) ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) จากเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อการใช้ในครัวเรือนทั้งหน่วยงานราชการ บ้านเรือนประชาชน ด้านอุตสาหกรรมขยายผลไปยังธุรกิจอื่น     ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด นับเป็นก้าวสำคัญ      ในการยกระดับการบริหารจัดการพลังงานสะอาด ลดต้นทุนพลังงานแบบครบวงจรให้มีศักยภาพ สร้างโอกาสทางเศษฐกิจที่มีเสถียรภาพในระยะยาว ตลอดจนผลักดันไทยมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างความสมดุลทางสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศให้แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

ข่าวเกี่ยวข้อง