CIVIL ลุ้นปิดดีลโครงการใหม่ หนุนแบ็คล็อกแตะ 11,608 ลบ.มั่นใจรายได้โตตามเป้า 6,000 ลบ.

CIVIL ลุ้นปิดดีลโครงการใหม่ หนุนแบ็คล็อกแตะ 11,608 ลบ.มั่นใจรายได้โตตามเป้า 6,000 ลบ.

CIVIL เผยทิศทางธุรกิจ Q4/65 เตรียมประมูลงานใหม่ งานก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมกรมชลประทาน, งานก่อสร้างถนน-ทางด่วน กรมทางหลวง หนุนแบ็คล็อก 11,608 ล้านบาท ชูกระแสเงินสดแข็งแกร่ง มุ่งเน้นประมูลงานโครงการภาครัฐ-เอกชนที่มีศักยภาพและสะท้อนราคาต้นทุนจริง คาดราคาวัสดุแนวโน้มดีขึ้น มั่นใจรายได้โตตามเป้า 6,000 ล้านบาท

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาที่ใช้เทคโนโลยีก่อสร้างแบบครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยถึง ทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 4/2565 บริษัทเตรียมประมูลงานภาครัฐ อาทิ งานก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม กรมชลประทาน, งานก่อสร้างถนนและทางด่วน กรมทางหลวง นอกจากนี้ยังมีแผนเข้าประมูลงานเพิ่มเติมจาก กรมท่าอากาศยาน และ                                     การรถไฟแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 11,608 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565)

นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นเข้าประมูลและรับงานโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้ารับงานใหม่ที่มีศักยภาพและสะท้อนราคาต้นทุนตามจริง ในภาวะที่ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีความผันผวน จากการปรับตัวของราคาวัตถุดิบ ต้นทุนค่าขนส่ง ประกอบกับการอ่อนของค่าเงินและค่าแรงที่ปรับขึ้น แต่ถือว่ามีอัตราการชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดี จากความต้องการในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างไรก็ตามบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์บริหารต้นทุนเพื่อรับความผันผวนของราคา และเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดี

“ในช่วงไตรมาส 4/2565 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐและเอกชนที่กำลังจะเข้ามา ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้างที่เคยอยู่ในระดับสูงเริ่มมีท่าทีชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีแผนการเข้าประมูลงานประเภทอื่นๆ เพื่อขยายความสามารถในการรับงานที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและอยู่ในกรอบเวลา พร้อมทั้งเทคโนโลยีการก่อสร้างและบุคลากรคุณภาพ รวมถึงมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง พร้อมเข้ารับงานใหม่และรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยทั้งหมดทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้และเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 6,000 ล้านบาท” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 4,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,736 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/2565 บริษัทมีรายได้รวม1,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,326 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 69 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท เนื่องจากการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของโครงการในปัจจุบัน 

ข่าวเกี่ยวข้อง