APO ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 67 โตต่อเนื่องดีมานด์ไทย-ต่างประเทศพุ่ง รับไฮซีซั่นธุรกิจ
APO เผยทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567เติบโตต่อเนื่อง ก้าวสู่ไฮซีซั่นธุรกิจ ดีมานด์สูงทั้งในและต่างประเทศ ด้านแนวโน้มราคาวัตถุดิบปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณผลผลิตเพิ่ม รับอานิสงส์มาตรการภาครัฐ-เงินบาทอ่อนค่าหนุนการส่งออกโต รับรู้รายได้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเต็มกำลัง เร่งพัฒนาระบบ Automation หม้อนึ่งแนวตั้งเล็งเปิดใช้งาน 2568
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือAPO ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2567 คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่มีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายในประเทศเป็นจำนวนมาก ประกอบกับราคาวัตถุดิบทะลายปาล์มสดที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากเดิมที่มีความผันผวนในช่วงก่อนหน้า
ด้านปัจจัยความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อการอุปโภคบริโภคในตลาดต่างประเทศอยู่ระดับที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดประเทศอินเดีย อีกทั้งภาคการส่งออกยังได้รับอานิสงส์ด้านค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มโดยรวมมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานและเครื่องจักร เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตรองรับความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษากระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มอื่น ๆ ให้มีหลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น สำหรับการต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์และโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อาทิ เครื่องสำอาง พลาสติกชีวภาพ
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านสภาพอากาศที่เหมาะสมจากการเข้าสู่ฤดูฝน ส่งผลให้บริษัทได้ผลผลิตปาล์มที่มีคุณภาพจากเกษตรกรในโครงการAsian Plus+ โดยคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีผลผลิตทะลายปาล์มสดเพิ่มขึ้นจากเดิม 10%
สำหรับธุรกิจไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตจากการพัฒนาประสิทธิภาพเต็มกำลังการผลิต โดยสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(PEA) ในจำนวนเต็มอัตรารับซื้อตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
ขณะที่แผนการดำเนินงานสร้างระบบ Automation จากหม้อนึ่งแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันปาล์ม อยู่ระหว่างการดำเนินงานติดตั้ง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการในช่วงปี 2568 เป็นต้นไป
“จากภาพรวมความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งปริมาณผลผลิตทะลายปาล์มสดมีความเสถียรจากการสิ้นสุดของปรากฎการณ์เอลนีโญ และมีแนวโน้มมากขึ้นการเข้าสู่ฤดูฝน ประกอบกับมาตรการจากภาครัฐที่ผลักดันการผลิต พยุงราคาขาย และ มุ่งเน้นปริมาณการส่งออกให้เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนให้แนวโน้มราคาวัตถุดิบปาล์มอยู่ในระดับที่ดี
ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ทั้งในด้านการผลิตน้ำมันปาล์มดิบการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ รวมถึงการพัฒนาระบบ Automation ที่จะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับบริษัทต่อไป” นายสิทธิภาสกล่าวเพิ่มเติม