ช. การช่าง เดินหน้าประมูลโครงการใหม่ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 64
ช. การช่าง เผยผลการดำเนินธุรกิจตลอดปี 2563 ยังคงแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 บ้างก็สามารถดำเนินการโครงการต่างๆได้ต่อเนื่องตามแผน โดยอาศัยพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง กลยุทธสร้างการเติบโตในธุรกิจที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง ตลอดจนมีนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังมีแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ที่ชัดเจนเพื่อบริหารความเสี่ยงในวิกฤติCovid-19 มั่นใจจะได้งานเพิ่มเติม Backlogและพร้อมปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อการดำเนินธุรกิจในโลกวิถีใหม่ เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในปี 2564
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าสำหรับในปี 2563 บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินการโครงการตามสัญญาก่อสร้างได้ตามแผน กลยุทธ์การมุ่งลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานหลากหลาย โดยอาศัยความแข็งแกร่งของกลุ่ม CK ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของบริษัทต่างๆในเครือทั้ง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือBEM, บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW และ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP โดยการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่หลากหลายทั้ง ขนส่งมวลชน, น้ำประปา และพลังงาน ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤติ Covid-19 ไม่มากนักเพราะธุรกิจการลงทุนและสามารถสร้างกระแสรายได้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องเสริมธุรกิจก่อสร้าง มั่นใจในความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานโครงการสาธารณูปโภคใหม่ต่างๆของภาครัฐทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่คาดว่าจะกลับมาเดินหน้าตามแผนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย
ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 29,109 ล้านบาท มีผลงานโครงการที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบแล้ว ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย สัญญา 6 บริหาร จัดหาติดตั้งอุปกรณ์งานระบบ โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน - นครราชสีมา สัญญาที่ 3 โครงการปรับปรุงทางพิเศษสายศรีรัช -วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ และซ่อมแซมโครงสร้างทางพิเศษศรีรัช โครงการงานปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ระบบผลิตและส่งจ่ายน้ำประปา โรงผลิตน้ำประปาบางเลน (ระยะที่ 1) เป็นต้น
ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 18,442 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 612 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ร้อยละ 8.39% นอกจากนี้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ยังได้พิจารณาอนุมัติการจัดสรรเงินกำไร โดยจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาทรวมเป็นเงิน 331,579,374.40 บาท โดยมีกำหนดในการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564
สถานการณ์Covid-19 ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงปี 2563 ไม่ได้ส่งผลกระทบทางตรงต่อการดำเนินงานโครงการก่อสร้างที่บริษัทดำเนินอยู่ และมีผลกระทบต่อการลงทุนบางส่วนแต่เป็นการชั่วคราว บริษัทฯมีแผนบริหารความเสี่ยงและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ Business Continuity Plan (BCP) ที่ชัดเจนสำหรับการดำเนินธุรกิจทั้งในโครงการก่อสร้างและสำนักงานใหญ่ พร้อมแนวปฏิบัติในการดูแลความปลอดภัย สุขอนามัยตามมาตรฐานและแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กลยุทธ์การมุ่งลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานหลากหลายทำให้บริษัทได้รับผลกระทบด้านรายได้น้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น สถานการณ์ Covid-19 กระทบต่อการประมูลโครงการใหญ่บางโครงการซึ่งมีผลต่อการประมูลงานใหม่ของบริษัทและทำให้ปริมาณงานในมือและรายได้ในปี 2563 ลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าในปี 2564 ภาครัฐจะเร่งเปิดประมูลโครงการต่างๆเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่ของ Covid-19 โดยบริษัทมีความพร้อมเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆเต็มที่โครงการที่บริษัทให้ความสำคัญ คือ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท, รถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 77,000 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง มูลค่า 60,000 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ที่ผ่าน EIA แล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 180,000 ล้านบาทโครงการแนวมอเตอร์เวย์ นครปฐม – ชะอำ มูลค่า 61,000 ล้านบาท โครงการแนวมอเตอร์เวย์บางขุนเทียน – บ้านแพ้ว มูลค่า 10,500 ล้านบาท เป็นต้น สำหรับในต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาสรุปแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว กำลังการผลิตระหว่าง 1,000-1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เงินลงทุนราว 135,000 ล้านบาท รวมเป็นโครงการที่เตรียมเข้าประมูลมูลค่ากว่า 700,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้รับรางวัลจากองค์กรภาครัฐและเอกชนต่างๆมากมาย เช่นรางวัล “Thailand Sustainability Investment 2020” (THSI) โดยมอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มีผลประกอบการที่เข้มแข็ง สร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบบรรษัทภิบาล, รางวัล“Outstanding Investor Relations Awards” รางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น และรางวัลสุดยอดองค์กรแห่งปี “Thailand Top Company Awards 2020” ประเภทธุรกิจอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
สำหรับโครงการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการ มีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ โดย ณ เดือนธันวาคม 2563 มีรายละเอียด ดังนี้
• โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) สัญญาที่ 1 ความคืบหน้าร้อยละ 64.1, สัญญาที่ 2 ความคืบหน้าร้อยละ 56.7และสัญญาที่ 5 ความคืบหน้าร้อยละ 64.6
• โครงการทางพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง สัญญาที่ 4 สะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ความคืบหน้าร้อยละ 33.6
• โครงการอาคารศูนย์บูรณาการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คืบหน้าร้อยละ 11.9
• โครงการงานก่อสร้างศูนย์เรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ความคืบหน้าร้อยละ 0.4
ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งสนับสนุนการดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุมรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรด้านสาธารณสุขและการแพทย์ในภารกิจสู้ภัยโควิด-19 การดูแลสิ่งแวดล้อมชุมชนและสังคมเพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนั้นบริษัทยังดำเนินโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่องเช่น การส่งเสริมนวัตกรรมช่างชุมชนอย่างต่อเนื่องซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ ช. การช่าง ในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนโดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและพัฒนาประเทศผ่านโครงสร้างพื้นฐานและการคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม